ที่มาภาพ : รายงานประจำปี BEC ปี 2558
BEC หรือบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มนักลงทุนมักจะเรียกหุ้นตัวนี้ว่า "ช่อง 3" เพราะอย่างที่รู้กันคือบริษัทนี้ทำสื่อโทรทัศน์ช่อง 3 แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่อง 3 อย่างเดียว บริษัทยังทำสถานีวิทยุ จัดหา-ผลิตรายการ รับตัดต่อ จัดแสดงโชว์/คอนเสิร์ต รับจัดกิจกรรม ธุรกิจให้บริการโฆษณา บริการขาย-จองบัตรเข้าชมการแสดง รวมถึงตั๋วรถยนต์โดยสารโดยมีบริษัทไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด ดูแล นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นให้เช่าบริการห้องสตูดิโอ.. จะเห็นได้ว่า BEC มีธุรกิจที่ค่อนข้างหลากหลายไม่ได้มีเพียงแค่ทำโทรทัศน์ช่อง 3 เพียงอย่างเดียว
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของ BEC มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก
ช่อง 3 ไม่ได้มีแค่ธุรกิจทีวีเพียงอย่างเดียว ..!!
(ที่มาภาพ : รายงานประจำปี BEC ปี 2558)
ตารางมูลค่าเม็ดเงินของการโฆษณาในแต่ละวิธีการ Digital TV และโรงภาพยนต์เติบโตดี สื่ออินเตอร์เน็ตยังเป็นน้องใหม่ ยังโตได้อีกมาก
(ที่มาภาพ : รายงานประจำปี BEC ปี 2558)
"เดอะนีลเส็น" รายงานว่าการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อในปี 2558 โตขึ้น 3% โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาผ่านโทรทัศย์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ผู้โฆษณาที่ขายสินค้าอุปโภคพื้นฐานมีการใช้เม็ดเงินที่ลดลง ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกลับใช้เม็ดเงินที่เพิ่มมากขึ้น
ข้อมูล Rating ทีวีดิจิตอลครั้งล่าสุด เดือนมกราคม ปี 2560
ข้อมุลจาก pantip.com (https://pantip.com/topic/36065581)
มองงบการเงินปี 2559 แบบผ่านๆ
งบดุลที่ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงไปเรื่อยๆ
(ที่มาของข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
งบดุลของ BEC ดูค่อนข้างแย่ลงเมื่อมองเทียบกันปีต่อปี สินทรัพย์รวมลดลง ในขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น เมื่อหักลบกันแล้วจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเรื่อยๆ เมื่อมองไปที่กำไรสะสมก็มีแนวโน้มลดลงด้วยเช่นกัน ..
งบกำไรขาดทุนที่มียอดขายลดลงเรื่อยๆ แต่ต้นทุนและ SG&A กลับทรงตัว แสดงว่าทิศทางของบริษัทมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก
(ที่มาของข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
งบกำไรขาดทุนของ BEC ตรงยอดขายลดลงเรื่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้เงินในการโฆษณาลดลง ไม่ได้ดีเหมือนในอดีตถึงแม้ว่าจะเป็นช่วง Prime Time ก็ตาม ราคาโฆษณา ณ เวลานั้นก็อาจจะไม่ได้สูงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รายได้อื่นก็เป็นหลักร้อยล้าน ดูแล้วไม่มีนัยยะสำคัญกับยอดขายทั้งหมดของบริษัทมากนัก
ในขณะที่รายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีแนวโน้มทรงตัว ไม่เพิ่มมากและก็ไม่ได้ลดลงตามยอดขาย บ่งบอกถึงบริษัทยังควบคุมรายจ่ายไม่ได้ ส่งผลให้บรรทัดสุดท้ายคือ EBITDA ลดลงอย่างรวดเร็วในทุกปี
อัตรากำไรสุทธิของบริษัทลดลงในทุกปีๆ อาจจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก Profit Margin อยู่ที่ 9% นั้นหมายความว่าบริษัทขายของได้ 100 บาท แต่ได้กำไรแค่ 9 บาทเท่านั้น ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับค่า P/E และ P/BV ที่อยู่ในแนวโน้มระดับสูง แต่กลับมี Profit Margin ที่ไม่สูงนัก จริงๆถ้าดูทั้งอุตสาหกรรมก็ไม่ได้สูงมากเช่นเดียวกัน แต่กลับมีค่า P/E และ P/BV ที่สูง บอกว่านักลงทุนกำลังให้มูลค่าของสิ่งนั้นสูงเกินไป (หรือเปล่า ?)
อุตสาหกรรม TV Digital เป็น Sector ที่นักลงทุนให้ค่าพรีเมียมสูงมากเมื่อดูจากค่า P/E และ P/Bv Ratio
(ที่มาของข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
P/E ของบริษัทอยู่ที่ 26.10 เท่า และ P/BV 4 เท่าของมูลค่าบัญชี อีกทั้งปันผลของบริษัทก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ (ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าบริษัทยังทำกำไรได้ดี แต่ราคาหุ้นลดลง จะได้ Yield ที่มากขึ้น)
บทวิเคราะห์ว่าอย่างไร ...
PST มองว่า ซึมซับข่าวร้ายไปมาก แต่ไตรมาส 1/60 บริษัทก็ยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความนิยมของช่องที่ลดลง อุตสาหกรรมการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงการจัดการแสดงตางๆที่ถูกงดและเลื่อนออกไป ในปี 2560 คาดการณ์ว่างบโฆษณาจะเพิ่มขึ้นมา 10% หลังจากที่หดตัวไป 12% ในปี 2559ที่ผ่านมา ภาพรวมจะดูดีขึ้นในครึ่งปีหลังของ 2560 แต่ครึ่งปีแรกจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่รุนแรงและการพยายามสรรหารายการแนวใหม่เพื่อสร้างเรตติ้ง ซึ่งช่องอื่นเรตติ้งดีขึ้นจะแย่งส่วนแบ่งจากช่องเดิมที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้วอย่างช่อง 7 และช่อง 3 ดังนั้นทางบทวิเคราะห์จึงปรับลดราคาพื้นฐาน 17.30 บาท คงคำแนะนำ"ซื้อ"
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่นี้
CNS มองว่า BEC พลิกขาดทุนครั้งแรกในรอบหลายปี และยังไม่เห็นสัญญาณบวกอะไรในไตรมาส 1/60 อย่างไรก็ตามช่วงมีนาคมเป็น High Season ของการใช้งบโฆษณาของทุกปี อาจจะทำให้เห็นแนวโน้มของการฟื้นตัวมีโอกาสมากขึ้น ดังนั้นทางบทวิเคราะห์จึงคงคำแนะนำ "REDUCE" แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงแล้วกว่า 50% ก็ตาม ให้ราคาเป้าหมาย 15.10 บาท
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่นี้
สรุป
ถ้ามองจากงบการเงิน และบทวิเคราะห์แล้วดูเหมือนว่าบริษัทกำลังไปในทางที่แย่ลง ทั้งในแง่ของรายได้ กำไร และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงจนดูเหมือนว่าธุรกิจไม่มี "คูเมืองแห่งความได้เปรียบ" เลย รวมถึงรายจ่ายที่แทบจะไม่ได้ลดลงตามรายรับที่บริษัททำได้ หนี้สินต่อทุนของบริษัทก็เพิ่มมากขึ้นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ถือหุ้นด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้วถ้าบริษัทมีการลงทุนอะไรเพิ่มเติมในขณะที่ยังมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับสูง และธนาคารไม่ปล่อยกู้ อาจจะต้องมีการรบกวนผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุน
บริษัทจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้กำไรออกมาดูดีให้ได้ โดยประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง และการแข่งขันทาง Content ของช่องต่างๆในขณะที่จำนวนคนดูก็ยังเท่าเดิม และมีแนวโน้มที่จะลดลงด้วยซ้ำเพราะผู้บริโภคหันไปบริโภคสื่อ Social Media อย่าง youtube และรับข่าวทาง Facebook มากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมโดยภาพรวมอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สดใสมากนัก
นักลงทุนจะต้องศึกษาให้มากกว่านี้ครับ ถ้าจะลงทุนหุ้นตัวนี้ บริษัทมีโปรเจคอะไรใหม่บ้างไหม และจะรักษา Market Share ของบริษัทที่ยังเป็นที่ 1 และที่ 2 ได้อย่างไร กลยุทธ์เป็นเรื่องสำคัญ
ราคาหุ้น BEC ที่ไหลลงมาต่อเนื่อง ส่วนทางกับหุ้นอย่าง WORK ที่อยู่ใน sector เดียวกัน แต่ราคาหุ้น outperform ตลาดอย่างเห็นได้ชัด
(ขอบคุณภาพจาก : Bisnews Professional)
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นก็รับข่าวร้ายไปมาก และเป็นขาลงมาอย่างยาวนาน ในตลาดหุ้นเคยมีบทสรุปไว้ว่า "ไม่มีหุ้นตัวไหนที่จะขึ้นตลอดไป หรือลงตลอดไป เมื่อถึงเวลาสักวันหนึ่งมันก็ต้องขึ้น" แต่สำหรับ BEC แล้ว อาจจะยังเป็นคำถามสำหรับนักเล่นหุ้นอยู่ในใจก็ได้ ว่า "เมื่อไรจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง .."