หุ้นไทยร้อนแรง ! ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า 1.52 หมื่นล้าน เคาะ 3 หุ้นน่าลงทุน
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (15-19 ส.ค.)ว่า กรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,600-1,640 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/65 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วันที่ 15 ส.ค. คาดว่าจะโต 2.4% YOY แต่โต 0.8%QoQ โดยภาพ GDP ของไทยไม่ได้ติดลบเหมือนตัวเลขสหรัฐฯเดือนก.ค. ติดลบ 0.9% ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหากของเราโตต่อจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจไทย
ส่วนวันที่ 17 ส.ค.ติดตามจีดีพียุโรปไตรมาาส 2/65 คาดว่าอยู่ที่ 0.25% YOY และ 0.2% QOQถ้าออกมาดีกว่าคาด จะหนุนตลาด ขณะที่วันที่ 18 ส.ค. ติดตามรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ fed minute มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่งต้องดูว่าจะใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อไปหรือไม่ รวมทั้งการลดขนาดงบดุล หรือคิวที จากเดิม เดือนก.ค.ถึงก.ย.วงเงิน 4.75 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน หลังจากนั้นจะเพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน และคาดว่าเดือนก.ย.เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงมุมมองคิวทีและลดลดอกเบี้ยจะมีผลต่อตลาด
นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของไต้หวันและจีนเป็นปัจจัยกดดันตลาด รวมถึงติดตามการประกาศงบไตรมาส2/65 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเหลืออีก 2 วันคือในวันที่ 15- 16 ส.ค.นี้ว่า จะเซอร์ไพรส์ตลาดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการประกาศงบ 313 บริษัท คิดเป็น 59% ของ Market Cap กำไรรวม 2.51 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% QOQ และ YOY แม้เผชิญเงินเฟ้อ
แต่ก็เติบโตได้ดี ซึ่งอาจจะเป็นแรงหนุนให้มีการปรับประมาณการณ์ได้โดยหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด แรงหนุนจาก
นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น ประกอบกับไทยขึ้นดอกเบี้ยของไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ จากเดิมอยู่ระดับ 2% ลงมาอยู่ที่ 1.75% ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า
โดยตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.-ปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย433 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,280 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.29บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันถูกเทขาย 1,292 ล้านเหรียญสหรัฐหลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเยือนไต้หวัน
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ชื่นชอบ KTB ราคาเป้าหมาย 18 บาท หุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีต้นทุนการกู้ยืมไม่มากแนะนำ
BH ราคาเป้าหมาย 215บาท และหุ้นได้รับผลบวกจากการประชุมกลุ่มเอเปกประชุมปลายปี CENTEL ราคาเป้าหมาย 49 บาท
ที่มา นายภราดร เตียรณปราโมทย์
ภาพประกอบ บล.เอเซีย พลัส