LH หุ้นอสังหาฯ ปันผลโดดเด่น
ให้ยีลด์เกิน 5% ถึง 6 ปีติดต่อกัน

.
หากนึกถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เงินปันผลดี เชื่อว่า LH หรือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ต้องติดโผอย่างแน่นอน ด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) ที่อยู่ในระดับสูงกว่า 5% ต่อเนื่องตลอด 6 ปี ทำให้ LH มักติดอยู่ในรายชื่อหุ้นปันผลดีที่นักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนไม่แพ้หุ้นแบงก์อย่าง TISCO หรือ KKP
.
โดยข้อมูลจาก setsmart ระบุว่า หากนักลงทุนถือหุ้น LH ตั้งแต่ปี 2559 มาจนถึงครึ่งแรกของปี 2564 จะได้รับเงินปันผลรวมกัน 3.45 บาทต่อหุ้น
.
ปี 2564 ได้รับเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น และ 0.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 6.29 % และ 5.56 % ตามลำดับ
.
ปี 2563 ได้รับเงินปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น และ 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 9.33 % และ 6.13 % ตามลำดับ
.
ปี 2562 ได้รับเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น และ 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 7.01 % และ 10.69 % ตามลำดับ
.
ปี 2561 ได้รับเงินปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น และ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 6.58 % และ 7.01 % ตามลำดับ
.
ปี 2560 ได้รับเงินปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น และ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 6.57 % และ 7.01 % ตามลำดับ
.
ปี 2559 ได้รับเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 6.56 %
.
สำหรับปี 2565 บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.25 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์จากบล.เอเวีย พลัส คาดว่า dividend yield ทั้งปี 2565 อาจสูงถึง 6.4% (ยังไม่นับรวมปันผลเพิ่มเติม หากมีกำไรจากการขายสินทรัพย์)
.
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี คาดจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ตามการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น และการโอนต่อเนื่องของ The Key พระราม 3 ที่มี Backlog รอส่งมอบอีกราว 1.6 พันล้านบาท ขณะธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า จะ เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องของสินทรัพย์เดิมทั้งกลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้า ตามการเปิด ประเทศเต็มรูปแบบ รวมถึงการสร้าง รายได้เพิ่มของสินทรัพย์ใหม่ 2 โครงการ คือ โรงแรม Grand Centre Point Space พัทยา เปิด 1 ส.ค. และ ศูนย์การค้า Terminal พระราม 3 (มีการขายพื้นที่เช่ามากกว่า 90%) เตรียมเปิด ต.ค. นี้
.
ด้านบริษัทร่วม โดยเฉพาะ HMPRO ได้อานิสงค์จากการเปิดเมือง และขยายสาขาใหม่ รวมถึง QH มีแผนเปิดโครงการใหม่มากขึ้นในครึ่งปีหลัง ภาพรวมจึงคาดกำไรปกติในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะดีกว่าครึ่งปีแรก และมุ่งสู่เป้าปีนี้ที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 8.06 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ซึ่งยังไม่ได้รวมแผนขายสินทรัพย์ในสหรัฐที่มีโอกาสเกิดขึ้นในไตรมาส 4/65 ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท