เปิดแผน 2 หุ้นเด่นกลุ่ม “เจมาร์ท”
JMT ดัน JAM เข้าตลาดหุ้น
SINGER เพิ่มพอร์ตสินเชื่อ 2 หมื่นลบ.

.
JMT คาดปี 66 กำไรเติบโต 30% ทำนิวไฮต่อเนื่อง พร้อมวางงบ 2.5 หมื่นลบ. ตุนหนี้เข้าพอร์ตเพิ่ม เผยอยู่ระหว่างทำไฟลิ่ง ดัน JAM เข้าตลาดหุ้น ด้าน SINGER ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% ขยายพอร์ตแตะ 2 หมื่นลบ. พร้อมคุมเข้ม NPL ไม่เกิน 5%
.
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานปี 2566 บริษัทยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการเก็บเงินสดที่ดีขึ้น รวมถึงการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) เข้ามาบริหารเพิ่มเติม คาดจะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโต 30% จากปีก่อนมีกำไร 1,745.57 ล้านบาท ทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง
.
โดยปีนี้บริษัทวางงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้ด้อยคุณภาพไว้ราว 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 10,000 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ส่วนของบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด หรือ JK AMC เบื้องต้นบริษัทวางบลงทุนไว้ใกล้เคียงกันที่ราว 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้ ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 331,410 ล้านบาท ส่วนของ JK AMC อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท
.
“ปีที่ผ่านมา JK AMC สามารถทำกำไรได้ 196 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งปี มีหนี้เข้ามาบริหารราว 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ต่อเนื่อง คาดตั้งแต่ไตรมาส 1/66 หนี้ของ JK AMC ที่รับเข้ามาน่าจะเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงมองว่า JK จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่ม JMT ในปี 66 เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง”
.
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรม ทั้งปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า คาดจะมีปริมาณ NPL เข้ามาสูง โดยเฉพะครึ่งปีหลังไปแล้ว เพราะกระบวนการช่วยเหลือลูกค้าบางส่วนจบแล้ว ขณะที่บางส่วนมีการช่วยเหลือต่อและหยุดลงในช่วงสิ้นปี 65 ดังนั้นระยะเวลาลูกค้าที่กลับมาชำระและเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนชำระไม่ไหว จะอยู่ที่ราว 180 วัน จึงคาดการณ์ว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป จะเห็นปริมาณ NPL ในอุตสาหกรรมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
.
ส่วนธุรกิจประกัน คาดว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรได้ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายจากการเครมประกันภัย Covid-19 เหมือนปีที่ผ่านมา และบริษัทยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยและประกันชีวิตต่างๆ ต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการนำบริษัทบริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด หรือ JAM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง)
.
ด้าน SINGER นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2565 จะเติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน โดยเน้นปรับปรุงคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ คัดเลือกลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังการเติบโตจากสินเชื่อเช่าซื้อกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศที่กำลังจะเข้าสู่ไฮซีซั่นในฤดูร้อน
.
สำหรับแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อ บริษัทตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อรวมแตะระดับ 20,000 ล้านบาท หรือเติบโต 35% จากปีก่อน แบ่งเป็น สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์รถทำเงินของ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC จำนวน 7,700 ล้านบาท
.
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายจะบริหารจัดการ NPL ในปีนี้ไม่ให้เกินระดับ 5% จากการควบคุม NPL ในพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase) ให้ลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% จากไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 11% ส่วนพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินบริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ดี โดย NPL อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.9%
.
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยสิ้นปี 2565 มีกระแสเงินสดอยู่ที่ราว 4,300 ล้านบาท และหนี้ประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในปี 2566 รวม 1,800 ล้านบาท ส่งผลให้หุ้นกู้คงเหลือของบริษัทปรับตัวลดลง ขณะที่ SGC จะออกหุ้นกู้ใหม่ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เพราะฉะนั้นจึงเหลือเม็ดเงินทีสามารถนำไปเพิ่มในส่วนของการเติบโต inorganic ให้กับกลุ่มบริษัทได้