คลื่นระลอกที่ 3 จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

คลื่นระลอกที่ 3 จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ล่าสุดผลกระทบลุกลามถึงทุกคน สะเทือนระบบเศรษฐกิจโลก

เทียบจากเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ (ก่อนสงคราม) ราคาสินทรัพย์ในตลาดต่างๆ ได้ปรับตัวไปไกล และกำลังมีนัยยะต่อทุกประเทศ
1. น้ำมัน จาก 90 ดอลลาร์/บาเรล เป็น 130 ดอลลาร์/บาเรล (+44.44%)
2. ทองคำ จาก 1,900 ดอลลาร์ มาเป็น 2,000 ดอลลาร์ (+5.3%)
3. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ จาก 95.83 มาเป็น 99 (+3.3%)
4. Yield ของพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา 10 ปี จาก 2.05% ลงมาเป็น 1.68%
5. ราคาหุ้นของเยอรมัน จาก 15,214 จุด มาเป็น 12,687 จุด (-16.7%)
6. ราคาพาลาเดียม (ที่รัสเซียผลิต) จาก 2,350 ดอลลาร์ มาเป็น 3,100 ดอลลาร์ (+31.9%)
7. ราคาข้าวสาลี (ที่ยูเครนผลิต) จาก 800 ดอลลาร์ มาเป็น 1,200 ดอลลาร์ (+50%)
8. ราคาข้าวโพด จาก 644 ดอลลาร์มาเป็น 752 ดอลลาร์ (+16.7%)
9. สินทรัพย์ทางเลือกเช่น Bitcoin จาก 44,000 ดอลลาร์มาเป็น 38,000 ดอลลาร์ (-12.4%)

ทั้งหมดนี้ต่างจากช่วงแรกของปัญหา ที่ทุกคนระมัดระวัง ทำให้ผลกระทบยังคงอยู่ในวงจำกัด
แต่ล่าสุด ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ

ทุกคนกำลังยืนอยู่บนขอบเหว ที่สามารถพลาดพลั้งตกไปได้ทุกเมื่อ
การตอบโต้กลับไปกลับมาระหว่างสองฝ่าย ได้เริ่มลุกลามไปเรื่อยๆ
จากเดิมการ Sanctions อยู่ในวงจำกัด พยายามให้ส่งผลไปยังเศรษฐกิจรัสเซียและคนรัสเซีย แต่ไม่ให้กระทบต่อการส่งออกน้ำมันและก๊าซ
ของรัสเซีย ที่มีมูลค่ามากกว่าครึ่งของมูลค่าการส่งออกของรัสเซีย ซึ่งมีขนาดประมาณ 10% ของตลาดโลกและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของยุโรป
ล่าสุด ทั้งสองฝ่ายได้มีการยกระดับของมาตรการเพิ่มเติม
- ประกาศตัดธนาคารของรัสเซียออกจากระบบ Swift
- Freeze เงินสำรองต่างประเทศของรัสเซีย
- สหรัฐพิจารณาที่จะไม่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

ส่วนของรัสเซีย
- ประกาศเตรียมพร้อมกองทัพ Nuclear Deterrence Force
- ทิ้งระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน
- ล่าสุด ท่านปูตินประกาศว่า ประเทศที่ Sanctions รัสเซีย มีค่าเท่ากับการประกาศสงครามกับรัสเซีย ตามด้วยการสั่งรวบรวมรายชื่อประเทศที่ออกมา Sanctions ในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งหมดช่วยยกระดับการเผชิญหน้าของสองฝ่ายไปอีกระดับ
ทำให้ไม่สามารถจำกัดวง ไว้แค่ที่ยูเครนและรัสเซีย

แต่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกรุนแรงและกว้างขวางขึ้น มีนัยยะไปถึงราคาน้ำมันที่ปั้มของเรา ราคาอาหารสัตว์ ราคาอาหาร ทำให้ระดับของเงินเฟ้อในทุกประเทศเพิ่มขึ้น กระทบการผลิตในอุตสาหกรรมสำคัญบางอย่าง รวมไปถึงราคาสินทรัพย์ต่างๆ ของนักลงทุนทั่วโลก

จากนี้ เราคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ เพราะทุกอย่างเกิดได้เสมอ
ทุกคนยืนอยู่ใกล้ขอบเหวมากเกินไป ถ้าก้าวผิด ก็อาจจะตกลงไปได้
ทั้งนี้ หลังท่านมาครองโทรศัพท์หาท่านปูตินประมาณ 90 นาทีเมื่อ 3 วันที่แล้ว สองท่านต่างสรุปว่า "The worst is yet to come."

ที่มา : Dr.KOB