ห้องเม่าปีกเหล็ก

AI War: เมื่อ “สมองของโลกใหม่” ถูกครอบครองแค่ 2 ชาติ

โดย ROCK POINT
เผยแพร่ :
24 views

AI War: เมื่อ “สมองของโลกใหม่” ถูกครอบครองแค่ 2 ชาติ

ในอดีตเราเคยแย่งกันเรื่อง “ที่ดิน น้ำมัน หรืออาวุธ”

แต่โลกวันนี้ สิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดไม่ใช่ “ทรัพยากร” ที่จับต้องได้อีกต่อไป

มันคือ “สมองของโลก” — ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

และในสนามนี้… มีแค่ 2 ประเทศที่ยังยืนอยู่ ณ จุดสูงสุด

คือ สหรัฐอเมริกา และจีน

..

 

3 หัวใจของการครองโลกด้วย AI

ใครก็ตามที่อยากครองโลกด้วย AI ต้องมี “วงกลม 3 วง” ต่อไปนี้อย่างพร้อมเพรียง

 

Compute Power – พลังประมวลผล (GPU, Data Center)

 

Talent & Algorithm – ทีมวิจัยและพัฒนา AI ที่มีฝีมือระดับโลก

 

Data & Ecosystem – ข้อมูลมหาศาลที่เชื่อมโยงในระดับ ecosystem

และถ้าเราดูทั่วโลกวันนี้ มีเพียง 2 ชาติที่มีครบคือ 

 

สหรัฐฯ และ จีน

ประเทศอื่นแค่ “ใช้” AI

แต่สองชาตินี้ “สร้าง” และ “ควบคุม” ทิศทางของมัน

..

จุดแข็งของสหรัฐฯ: AI Infrastructure ที่ลึกที่สุดในโลก

 

Compute Power

อเมริกาคือผู้ควบคุม GPU ที่ใช้ฝึกและรัน AI ทั่วโลก

NVIDIA, AMD, Intel ล้วนถือกำเนิดที่นี่ และทุก chip ต้องใช้เทคโนโลยีของบริษัทอเมริกันผ่าน TSMC หรือ Samsung

 

Talent Pool & Open Source

เบอร์หนึ่งด้าน AI Research และ Open Source Model

เช่น OpenAI, Google DeepMind, Meta AI, xAI ของ Elon Musk

ยังครอง Citation และ Innovation ระดับโลก

 

Capital + Cloud + Productization

มีเงินทุนมหาศาล บวกโครงสร้างพื้นฐาน Cloud (AWS, Azure, GCP) ที่พร้อม Deploy AI ให้เกิดจริงในเชิงธุรกิจ

 

Ecosystem เชิงพาณิชย์

ไม่ใช่แค่เก่งวิจัย แต่ใช้ได้จริงในองค์กรทั่วโลก

— จาก AutoGPT, AI Agents, ไปจนถึงการฝัง AI ใน SaaS แบบ Microsoft Copilot

..

จุดแข็งของจีน: ข้อมูล, Scale, และความเร็วแบบไร้ข้อจำกัด

 

Data = อาวุธลับ

จีนมีประชากร 1.4 พันล้านคน ทุกอย่างกลายเป็นข้อมูล

จาก WeChat, Alipay, Meituan, Ctrip, ไปจนถึงระบบรัฐ ทุกกิจกรรมเชื่อมโยงกัน

→ AI Model ที่ฝึกบนข้อมูลจีนจะเข้าใจพฤติกรรมคนได้ลึกแบบไม่เหมือนใคร

 

National Strategy

จีนไม่มองว่า AI คือแค่เครื่องมือ แต่คือยุทธศาสตร์ความมั่นคง

→ ทุ่มงบมหาศาลในการพัฒนา AI ไม่ใช่เพื่อแข่งธุรกิจ แต่เพื่อ “ไม่แพ้ในศึกยุคถัดไป”

 

เร่งสปีดได้ทันที

รัฐบาลจีนสามารถบังคับทั้งอุตสาหกรรมและโครงสร้างพลังงานมารองรับ AI ได้

ไม่ต้องผ่านสภา ไม่ต้องรอเลือกตั้ง ไม่ต้องขออนุญาต

→ การสร้าง Data Center, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือโครงการ AI ขนาดยักษ์ใช้เวลาแค่เดือน ไม่ใช่ปี

 

ฮาร์ดแวร์ในบ้าน

แม้โดนบล็อก GPU จากสหรัฐฯ แต่จีนตอบโต้ด้วยการพัฒนา Chip เอง เช่น Huawei Ascend, Alibaba T-Head และขยายฐานผลิตในประเทศ

..

AI จะเปลี่ยนสมดุลเศรษฐกิจโลกอย่างไร?

 

แรงงานราคาถูกจะไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป

เพราะ “แรงงาน AI” และ “หุ่นยนต์” จะมีต้นทุนถูกกว่ามนุษย์

→ ประเทศที่เคยได้เปรียบเรื่องแรงงาน (เช่น เวียดนาม อินโด ไทย) จะโดน Disrupt

 

ผู้เล่นเก่าจะลำบาก ถ้าไม่มี Compute + Data + Talent

Legacy Companies ที่ระบบเก่า คนกลัวเปลี่ยน กลัวตกงาน

→ จะพัฒนา AI ได้ช้า หรือทำได้แค่ผิวเผิน

 

บริษัท AI Native จะกลืนกิน Market Share เรื่อย ๆ

ใครที่มี Data เป็นของตัวเอง ใช้ AI แบบ “Plug-in” ได้ทันที

→ จะลดต้นทุน เพิ่ม Margin และขยายการเติบโตแบบ Snowball

 

มหาอำนาจจะรวยยิ่งกว่าเดิม

เพราะ AI ยิ่งเก่ง = ยิ่งมีข้อมูล = ยิ่งสร้างมูลค่า

→ นี่คือ Loop ที่จะทำให้ “ผู้ชนะ ยิ่งชนะ” (The Great Concentration)

..

แล้วโลกที่เหลือล่ะ?

ประเทศที่ไม่มี Compute ของตัวเอง

ไม่มี Data ที่เชื่อมโยง

ไม่มี Ecosystem หรือวิจัย AI

→ อาจกลายเป็น “Zombie Country”

อยู่ไปได้เรื่อย ๆ แต่ไม่เติบโต

และถูกดูดมูลค่าออกไปทีละน้อย… ผ่านแพลตฟอร์มที่ตัวเองก็สร้างไม่ได้

..

นักลงทุนต้องทำอย่างไร?

 

อย่าหลอกตัวเองว่า AI คือของทุกคน

AI ไม่ได้เป็นกลาง — มันมีเจ้าของ

และเจ้าของกำลังเร่งขยายอิทธิพลไปทั่วโลกผ่าน “โครงสร้างพื้นฐานของความฉลาด”

 

อย่าเลือกประเทศ เลือกบริษัทที่ “เข้าถึง AI ได้”

คุณไม่ต้องถือ ETF จีนหรืออเมริกา

แต่คุณต้องหาให้เจอว่าใครคือ AI Native ที่มี Data, Talent, Compute

และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ใช้ AI เพิ่ม Value จริง ไม่ใช่แค่ลดต้นทุน

 

อย่าลืมเกมพลังงาน

Compute ต้องใช้ไฟ และไฟต้องมาจากแหล่งที่ถูก

→ อย่ามองข้าม “AI + Power” thesis เช่น Cloud Provider ที่ลงทุนพลังงานเอง หรือประเทศที่ควบคุมพลังงานได้

..

สรุป: ศึก AI ไม่ใช่แค่การแข่งขันเทคโนโลยี แต่คือการจัดระเบียบอำนาจโลกใหม่

ใครครอง AI = ครอง Productivity

ใครครอง Productivity = ครองเศรษฐกิจ

ใครครองเศรษฐกิจ = ครองโลก

และวันนี้… ผู้ท้าชิงมีแค่ 2 คน

สหรัฐอเมริกา

จีน

ส่วนที่เหลือ ต้องเลือก “ข้าง” หรือ “ยอมจำนน”

..

Disclaimer

บทความนี้เพื่อการศึกษาและเปรียบเทียบเท่านั้น

ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

ผู้ลงทุนควรศึกษาเงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจ

 

 

 

ที่มาเนื้อหา.  หุ้นพอร์ทระเบิด


ROCK POINT