จากการที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ลงใน Webboard ของ Stock2morrow หลายครั้งหลายหนตั้งแต่ปีที่แล้วคือปี พ.ศ 2560 มาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่เคยกล่าวหรืออ้างอิงถึงนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จ หรือ " เซียนหุ้น " ในเมืองไทยเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ส่วนใหญ่จะกล่าวอ้างอิงถึงเฉพาะคํากล่าวของคุณบรรยงค์ พงษ์พาณิช เท่านั้น ดังนี้ คือ :
คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานของ บล.ภัทรฯ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ "เซียนหุ้น " ไว้ว่า :
ตอนที่ผมเริ่มทํางานใหม่ๆเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ผมก็เคยอยากเป็น " กูรู " ในตลาดหุ้น เป็นเซียนคนที่ 9 แต่พอเอาเฃ้าจริง แค่เพียงพูดให้ดูดีอาจจะไม่ยากเท่าไหร่ การมั่วให้มีหลักการก็พอทําได้ ( โดยเฉพาะทํากับคนที่มีความรู้น้อย ซื่อกว่า แต่โลภเท่าๆกับเรา ) ปัญหามันอยู่ที่ตอนความจริงมันออกมานะสิครับ เพราะมันไม่ค่อยตรงกับที่เราได้มั่วเอาไว้ ไอ้ครั้นจะหน้าด้านเน้นแต่ไอ้ที่เรามั่วถูก ส่วนไอ้ที่ผิดก็ทําเป็นเงียบและลืมไปเสีย คนอื่นเขาก็จะไม่ค่อยลืมด้วย ไอ้ครั้นที่จะไปหาคนโง่กลุ่มอื่นมาหลอกต่อแบบ " วงจรอุบาทว์ " มันก็เหนื่อยเกินไป สุดท้ายเลยต้องศึกษาหาวิธีทําธุรกิจแบบยั่งยืน ยอมเหนื่อยกว่า อย่างที่เป็นอยู่นี่หละครับ
เคยมีคนถามผมว่า ในเมืองไทย ใครเป็นเซียนหุ้นตัวจริง ผมมักจะตอบว่า ตลอดชีวิตการทํางานในตลาดหุ้น 36 ปี ผมเคยเจอ " เซียนหุ้น แค่ 2 คน คนหนึ่งตายไปแล้ว ( ฆ่าตัวตาย เพราะ เจ๊งหุ้น? ) ส่วนอีกคนหนึ่งกําลังขอทานอยู่บนสะพานลอยแถวประตูนํ้า ( เพราะ เจ๊งหุ้นเช่นเดียวกัน? ) "
หมายเหตุ 1 : 1.1) ที่มาจาก หนังสือ " บรรยง พงษ์พานิช เขียน " เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ปี พ.ศ 2556
1.2) ผู้โพสต์มีความเห็นเพิ่มเติมว่าในโลกนี้มี " เซียนหุ้น " อยู่แค่ 5 คน เท่านั้นคือ 1) Warren Buffett 2) George Soros 3) Peter Lynch 4) Jim Rogers และ 5) Ray Dalio
เหตุผลที่ผู้โพสต์มักจะอ้างอิงเฉพาะนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จในระดับโลกเท่านั้น เพราะ :
1) การลงทุนของท่านเหล่านั้น มีผลตอบแทนที่ดี เป็นเวลายาวนานจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
2) ปริมาณเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารการลงทุนของท่านเหล่านั้น มีจํานวนมาก จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้
หมายเหตุ 2 : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ หรือ/และ สภาวะตลาดหมี และ Set Index เป็นขาลงรอบใหญ่ ได้ใน longtunbysak.blogspot.com