ห้องเม่าปีกเหล็ก

อัพเดตสถานการณ์ล่าสุดอิสราเอล-อิหร่าน

โดย ใจอยู่ที่กระบี่
เผยแพร่ :
82 views

อัพเดตสถานการณ์ล่าสุดอิสราเอล-อิหร่านโจมตีกันหนักขึ้น น้ำมันพุ่งต่อ ส่วนทรัมป์บอกไม่ยุ่งปล่อยมันสู้กันไปก่อน | Podcast Available

 

อิสราเอลส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่หยุดแผนการทำลายศักยภาพทางนิวเคลียร์ของอิหร่านแน่นอน ทำให้ความเสี่ยงในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยน้ำมันแห่งนี้ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ในขณะที่ทั้งสองประเทศต่างก็ถล่มเป้าหมายทางทหารและพลเรือนของกันและกัน

การต่อสู้เข้าสู่วันที่สามในวันอาทิตย์ โดยอิสราเอลได้โจมตีกรุงเตหะราน ส่วนอิหร่านก็ยิงโดรนและขีปนาวุธตอบโต้มาหลายระลอก หน่วยบริการฉุกเฉินของอิสราเอลบอกว่า ตั้งแต่วันศุกร์ มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลจากการโจมตีของอิหร่านไปแล้ว 14 คน และบาดเจ็บเกือบ 400 คน ส่วนทางฝั่งอิหร่าน รัฐบาลรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน แต่ตัวเลขนี้เป็นข้อมูลล่าสุดจากวันเสาร์และยังไม่มีการอัปเดต

คำถามที่หลายคนสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ สหรัฐฯ ซึ่งปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอล อาจจะตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อต้านอิหร่านหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อทำลายโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โด ซึ่งเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ใต้ดินลึกที่สุดของอิหร่าน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าลำพังแค่อิสราเอลคงไม่มีกำลังอาวุธพอที่จะทำภารกิจนี้ได้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยหาเสียงไว้ว่าจะพยายามไม่ให้สหรัฐฯ เข้าไปพัวพันกับสงครามในต่างแดน ได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า "ก็มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะเข้าไปมีส่วนร่วม" แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะทำในทันที ถึงแม้ว่าเพื่อนสมาชิกรีพับลิกันจะบอกว่า หากอิหร่านโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ก็อาจเป็นชนวนให้เกิดการแทรกแซงได้

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ปฏิเสธที่จะตอบคำถามในรายการของ Fox News ที่ว่าเขาได้ขอระเบิดเจาะทะลวงขนาด 30,000 ปอนด์จากสหรัฐฯ หรือไม่ แต่เขาบอกว่า "เรามีแผนอื่นๆ" และอิสราเอล "ยังมีไพ่เด็ดในมืออีกเยอะ" ที่ไม่จำเป็นต้องให้สหรัฐฯ เข้ามาช่วยโดยตรง

"เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะกำจัดภัยคุกคามนี้ให้ได้" เนทันยาฮูกล่าว "มันจะจบก็ต่อเมื่อเราทำลายศักยภาพของพวกเขา และเราจะทำมันให้สำเร็จ"

ขณะที่อิหร่านเองก็อ้างเมื่อวันอาทิตย์ว่ายังไม่ได้ใช้อาวุธที่ล้ำสมัยที่สุดในการโจมตีอิสราเอลเช่นกัน

นอกจากนี้มีรายงานว่าช่วงหนึ่งนับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ได้ทัดทานไม่ให้อิสราเอลพยายามสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี หลังจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลบอกว่าพวกเขามีโอกาสทำได้ เรื่องนี้ถูกรายงานครั้งแรกโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล แคตซ์ กล่าวว่าตอนนี้เป้าหมายของประเทศจะรวมถึง "รัฐบาลในกรุงเตหะราน" ด้วย แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลคนอื่นๆ ปฏิเสธว่าการเปลี่ยนระบอบการปกครองไม่ใช่วัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการของความขัดแย้งครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเนทันยาฮูจะเคยเรียกร้องให้ชาวอิหร่านลุกขึ้นมาโค่นล้มผู้นำของตัวเองก็ตาม

ตลาดหุ้นในตะวันออกกลางส่วนใหญ่ร่วงลงในวันอาทิตย์ ทั้งในซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และกาตาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อียิปต์อ่อนค่าลงประมาณ 1.8% ไปอยู่ที่มากกว่า 50 ปอนด์ต่อดอลลาร์ ส่วนตลาดหุ้นอิสราเอลกลับปรับตัวสูงขึ้น นำโดยบริษัทด้านกลาโหมอย่าง Elbit Systems Ltd.

แม้ทรัมป์จะเปรยๆ เรื่องที่สหรัฐฯ อาจเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในวันอาทิตย์เขาก็กล่าวว่าอิหร่านและอิสราเอล "ควรจะเจรจาทำข้อตกลงกัน และพวกเขาจะทำข้อตกลงกันได้" "เราจะมีสันติภาพในไม่ช้า ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน!" เขาโพสต์บน Truth Social "ตอนนี้มีการพูดคุยและประชุมกันมากมาย"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทรัมป์ก็ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเล็กน้อยค่ะ เขาบอกกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวก่อนเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำ G-7 ที่แคนาดาว่า เขาเชื่อว่าอิสราเอลกับอิหร่านมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่ทั้งสองฝ่ายอาจจะต้อง "สู้กันให้รู้เรื่อง" ไปอีกสักพักก่อนที่จะพร้อมเจรจาสันติภาพ

“บางครั้งพวกเขาก็ต้องสู้กันให้รู้เรื่องไปก่อน แล้วเราค่อยมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า “ฉันคิดว่ามีโอกาสสูงที่จะมีการทำข้อตกลงกันได้”

ความเห็นของทรัมป์ครั้งนี้คล้ายกับที่เขาเคยพูดถึงความพยายามไกล่เกลี่ยสงครามในยูเครน โดยเขาเคยใช้คำเปรียบเปรยเหมือนดูกีฬาฮอกกี้ว่า “บางทีคุณจะเห็นในกีฬาฮอกกี้ ที่กรรมการปล่อยให้นักกีฬาชกต่อยกันไปสักพัก ก่อนที่จะเข้าไปแยก”

นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิหร่านได้รับข้อความจากรัฐบาลทรัมป์ที่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องของสหรัฐฯ ในการโจมตีของอิสราเอล แต่เขากล่าวว่า "ข้อความอย่างไม่เป็นทางการนั้นไม่เพียงพอ" และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ประณามการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

นายอารักชียังกล่าวถึงการโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่มุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญของอิหร่านใกล้ชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย โดยเตือนว่าความไม่มั่นคงใดๆ ในภูมิภาค "อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกทั้งใบ"

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) พุ่งขึ้นถึง 5.5% ไปอยู่ที่ 78.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ หลังจากที่การโจมตีของอิสราเอลต่อแหล่งพลังงานของอิหร่านได้เพิ่มความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมัน ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ เกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดทั่วอิหร่าน โดยการโจมตีของอิสราเอลได้ทำให้โรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติที่เชื่อมต่อกับแหล่งก๊าซ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน ต้องหยุดชะงักชั่วคราว และยังมุ่งเป้าไปที่ถังเก็บเชื้อเพลิงด้วย การกระทำเช่นนี้จึงเสี่ยงที่จะผลักดันให้ราคาพลังงานโลกที่พุ่งสูงขึ้นอยู่แล้ว ยิ่งสูงขึ้นไปอีก

ทางทีม MLIV (Markets Live) ของ Bloomberg กล่าวว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันมีแนวต้านที่ชัดเจน และยังไม่สามารถผ่านระดับ 80 ดอลลาร์ไปได้ ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาของนักลงทุน ขณะที่ Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI อาจพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 125 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้

ขณะเดียวกัน ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ของสหประชาชาติ รายงานว่าการโจมตีหลายครั้งที่โรงงานแปรรูปยูเรเนียมของอิหร่านในเมืองอิสฟาฮาน ทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง โดยทางด้านนายคาเซม การิบบาบาดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า "เราจะไม่ร่วมมือกับทบวงการฯ เหมือนที่เคยทำมาอีกต่อไป"

ตามรายงานของสำนักข่าว Fars ของอิหร่าน คณะกรรมาธิการสำคัญของรัฐสภาได้กล่าวว่า เตหะรานไม่ควรปฏิบัติตามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป ซึ่งเป็นข้อตกลงควบคุมอาวุธที่สำคัญที่บังคับให้ประเทศสมาชิกต้องยอมรับการตรวจสอบ แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำตามขั้นตอนดังกล่าวหรือไม่

 

ความขัดแย้งที่เลวร้ายที่สุด

อิสราเอลและอิหร่านซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ได้ต่อสู้กันใน "สงครามเงา" มาโดยตลอด รัฐยิวถูกกล่าวหาว่าทำการโจมตีทางไซเบอร์และลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่าน ในขณะที่เตหะรานก็ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านอิสราเอลในตะวันออกกลาง ความตึงเครียดเหล่านี้พุ่งสูงขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งนำไปสู่การที่อิสราเอลและอิหร่านยิงขีปนาวุธและโดรนใส่กันถึงสองครั้งเมื่อปีที่แล้ว

ถึงกระนั้น ครั้งนี้ถือเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดของทั้งสองประเทศ โดยเริ่มขึ้นเมื่อเช้าวันศุกร์ เมื่ออิสราเอลใช้เครื่องบินรบและโดรนโจมตีโรงงานนิวเคลียร์และฐานทัพของอิหร่าน สังหารผู้บัญชาการระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ไปหลายคน

อิสราเอลกล่าวว่ามีเป้าหมายเพื่อยุติความสามารถของอิหร่านในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของชาติ แต่อิหร่านปฏิเสธว่าไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยอ้างว่าโครงการของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อพลเรือนเท่านั้น

การโจมตีระบบป้องกันของอิหร่านดูเหมือนจะทำให้อิสราเอลมีความได้เปรียบทางอากาศเหนือสาธารณรัฐอิสลาม รวมถึงเหนือน่านฟ้าเมืองหลวงด้วย

เมื่อวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลได้เรียกร้องให้ชาวอิหร่าน "อพยพออกจากพื้นที่ใกล้โรงงานผลิตอาวุธโดยทันที" และ "อย่าเพิ่งกลับมาจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม"

ตอนนี้ผู้นำอิหร่านกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกเขาจะแสดงความอ่อนแอไม่ได้ แต่ทางเลือกก็น้อยลงเรื่อยๆ และกลุ่มตัวแทนที่พวกเขาสนับสนุน เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ก็มีความสามารถจำกัดในการช่วยเหลืออิหร่าน เนื่องจากถูกอิสราเอลโจมตีอย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา

เนทันยาฮูกล่าวว่ากองทัพของเขาจะ "โจมตีทุกที่และทุกเป้าหมายของระบอบอยาตอลเลาะห์" ในขณะที่คาเมเนอีกล่าวว่าอิสราเอลจะต้อง "ชดใช้อย่างสาสม"

อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์รอบถัดไปกับสหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ที่โอมานในวันอาทิตย์ ในวันเดียวกัน ทรัมป์กล่าวว่าเขายังคงสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านได้

ทั้งนี้ทรัมป์มีกำหนดจะพบกับผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ในแคนาดา และความขัดแย้งนี้จะเป็นหัวข้อหลักในการเจรจา อิสราเอลกำลังเรียกร้องให้วอชิงตันและชาติต่างๆ ในยุโรปช่วยโจมตีอิหร่าน โดยให้เหตุผลว่านี่คือสิ่งที่จำเป็นในการหยุดยั้งเตหะรานไม่ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ผู้นำในตะวันออกกลางและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ต่างแสดงความกังวลมากขึ้นว่าความขัดแย้งอาจลุกลามจนควบคุมไม่ได้ พวกเขาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายรีบคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว

รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี โยฮันน์ วาเดฟูล กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ARD ของเยอรมนี เรียกร้องให้รัฐต่างๆ ในภูมิภาคเจรจากับอิหร่าน ในขณะที่เบอร์ลินยังคงพูดคุยกับอิสราเอลต่อไป

เขากล่าวจากกาตาร์ว่า เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร พร้อมที่จะเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์

การต่อสู้ที่ขยายวงกว้าง โดยเฉพาะหากมีการโจมตีเป้าหมายทางทหารหรือการทูตของอเมริกาในภูมิภาค อาจช่วยให้ผู้ปกครองของอิหร่านสามารถรวบรวมการสนับสนุนทางการเมืองในประเทศได้ แต่ก็จะยิ่งเพิ่มอันตรายที่พวกเขาต้องเผชิญอย่างมหาศาล

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเตหะรานกำลังพิจารณาทางเลือกสุดท้าย เช่น การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางที่รัฐในตะวันออกกลางใช้ขนส่งน้ำมันประมาณหนึ่งในห้าของโลกหรือไม่

นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Economics มองว่า การกระทำดังกล่าวอาจดึงสหรัฐฯ ซึ่งมีกองทัพที่ทรงพลังที่สุดในโลก เข้าสู่ความขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เตหะรานน่าจะคำนวณแล้วว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของอิหร่านอ่อนแออยู่แล้ว โดยมีอัตราเงินเฟ้อเกือบ 40% และประชาชนก็ไม่พอใจรัฐบาลอย่างมาก

 

 

ที่มาเนื้อหาจาก..  เพจ Beauty Investor


ใจอยู่ที่กระบี่