ห้องเม่าปีกเหล็ก

PSL,TTA กำลังจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง?

โดย valueg
เผยแพร่ :
72 views

 

คอลัมน์ หุ้นลับ "PSL,TTA กำลังจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง?"
วันที่ 6 มีนาคม 2560


ก่อนอื่นต้องขอท้าวความก่อนว่าราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือเทกองในอดีตจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีค่าระวางเรือหรือ BDI เสมอ เนื่องจากต้นทุนการเดินเรือในแต่ละปีเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่ราคาค่าบริการจะขึ้นกับดัชนี BDI ดังนั้นกำไรขั้นต้นจึงผันผวนตามดัชนีนี้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ตอนที่ดัชนี BDI ยังอยู่ในระดับสูง เรือแต่ละลำมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกันมากมาก สูงถึง 2-3 เท่าเลยทีเดียว ทำให้บริษัทชิปปิ้งแห่กันซื้อเรือใหม่จนทำให้เรือล้นตลาด และเมื่อเจอวิกฤตหลายๆรอบตั้งแต่ hamburger crisis เป็นต้นมา ทำให้ดีมานท์เริ่มลดลงสวนทางกัน ส่งผลให้ภาพดัชนี BDI และราคาหุ้น PSL,TTA ออกมาเป็นเช่นนี้ (ดังภาพที่ 0,1)


สิ่งที่ทำให้ BDI เพิ่มเกือบ 3 เท่าจากจุดต่ำสุดในปีที่แล้ว (ดังภาพที่ 2) มาจากการที่บริษัทฯ ที่ซื้อเรือไปขาดทุนกันเยอะมาก จากดัชนีที่ลดลงเรื่อยๆมาเป็น 10 ปี ทำให้ต้องเอาเรือไปขายเป็นเศษเหล็ก ขณะที่ดีมานท์ก็เริ่มเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัวโดยเฉพาะจีน เห็นได้จากการนำเข้าถ่านหินและสินแร่เหล็กจากจีน ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกคาดไว้มาก (ถ่านหิน +25% จากคาดที่ -10%, สินแร่เหล็ก +8% จากคาดว่าจะ +2% ) ทำให้ Demand Supply เริ่มจะสมดุลกัน จนส่งผลให้ราคาหุ้น PSL, TTA เพิ่มขึ้นมาแล้วหลายเปอร์เซ็นต์จากจุดต่ำสุดในปีที่แล้วเช่นเดียวกัน


ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ BDI น่าจะยังคงมีต่อไปในอนาคต เพราะว่าหากอิงจากคำสั่งซื้อเรือและสัดส่วนการขายเรือในปัจจุบัน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Supply ในปีนี้และปีหน้า จะเริ่มลดลงแล้ว หลังจากที่บวกมาเฉลี่ย 9%ต่อปี ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา (ดังภาพที่ 3) และสิ่งที่เป็นไฮไลท์กว่านั้นคือตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2017 เป็นต้นไป กฎหมายใหม่ที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำอับเฉาเรือ (Ballast water management) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ และจะทำให้เรือที่มีอายุมากกว่า 15 ปี (กว่า 15% ของ supply ทั้งหมด) อาจค่อยๆหายไปจากตลาด เนื่องจากการปรับปรุงเรือเดิมให้รองรับกับกฎหมายใหม่นี้ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก สูงกว่าการขายเรือออกไปเป็นเศษเหล็กเสียอีก และในปลายปี 2020 ก็จะมีกฎหมายควบคุมการปล่อยมลพิษทางน้ำใหม่ออกมาอีก ทำให้จำนวนเรือที่มีอายุมากกว่า 15 ปี (กว่า 20% ของ supply ทั้งหมดในตอนนั้น) อาจจะหายไปเช่นเดียวกัน เพราะว่าการอัพเกรดระบบเรือเดิมที่ออกแบบมาเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว ให้รองรับกับกฎหมายใหม่นี้ ต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า 230 ล้านบาทต่อลำ เทียบกับมูลค่าเศษหล็กที่จะขายได้ที่ 50 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Supply ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะลดลงอย่างมีนัยฯ ส่วนกองเรือของ PSL จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะอายุเฉลี่ยของกองเรือตอนนี้อยู่ที่ 6 ปีเท่านั้น จึงยังไม่จำเป็นต้องอัพเกรด อีกทั้งราคาขายเรือยังสูงกว่าการอัพเกรดมากจึงทำให้ไม่เป็นประเด็น แต่กองเรือของ TTA ตอนนี้มีอายุเฉลี่ย 11 ปี อาจได้รับผลกระทบมากกว่า


ส่วนประเด็นด้าน Demand นั้น นักวิเคราะห์ทั่วโลกก็มองว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในจีน หรือในสหรัฐฯ ดังนั้นด้วย Demand ที่มีแนวโน้มมากกว่า supply ทำให้โอกาสที่ดัชนี BDI จะเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว เป็นไปได้ไม่ยากนัก


สุดท้ายหากให้เลือกระหว่าง PSL กับ TTA คงต้องแล้วแต่ความชอบเลย โดย PSL มีจำนวนเรือทั้งหมด 36 ลำ อายุเฉลี่ย 6 ปี คิดเป็นรายได้เกือบ 100% ส่วน TTA ค่อนข้างมีการกระจายธุรกิจไปหลายๆอย่าง โดยสัดส่วนรายได้จากการเดินเรือคิดเป็นเพียง 23% เท่านั้น (จำนวนเรือประมาณ 20 ลำ อายุ 11 ลำ) ส่วนรายได้อื่นหลักๆ มีทั้งถ่านหิน วิศวกรรมสำรวจใต้ทะเล และอื่นๆ ดังนั้นเชื่อว่าหาก BDI ฟื้นจริงๆ PSL ดูจะน่าสนใจกว่า ส่วน TTA จะปลอดภัยกว่าในกรณีที่ BDI ไม่เพิ่มตามคาด


โดยหุ้นลับ (facebook.com/hoonlub)

 

 


valueg