CHG : ต้นทุนการลงทุนใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
คงคำแนะนำ “ถือ” โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 3.90 บาท จากเดิม 4.15 บาท เนื่องจากสมมติฐานต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น
CHG ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโต 23% จากรายได้ไม่รวมโควิดในปี 2565 หนุนจากการเติบโตของรายได้ทุกกลุ่ม และมองบวกต่อการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล SSO
CHG จะเปิดศูนย์การแพทย์จุฬารัตน์และโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอดในไตรมาส 2/2566 โดยคาดว่าจะมีผลขาดทุนในช่วงปีแรกของการดำเนินงาน
แนวทางการดำเนินงานปี 2566
จากการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศงบการเงินไตรมาส 4/2565 ผู้บริหารคาดรายได้รวมจะอยู่ที่ 8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 23% YoY จากรายได้ที่ไม่ใช่จากโควิด-19 ในปี 2565 การเติบโตน่าได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ทุกกลุ่ม ผ่านการขยายกำลังรองรับบริการในโรงพยาบาลที่มีอยู่ และการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่
อัตรากำไรสุทธิน่าจะอยู่ในช่วง 16-18% ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราค่าพยาบาลของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) หรือไม่ ทั้งนี้ CHG อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อถือหุ้นเพิ่มในศูนย์ดูแลพักฟื้นผู้ป่วยผู้สูงอายุเซ็นจูรี่แคร์โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปกลางปี 2566 ล่าช้ามาจากสิ้นปี 2565
มุมมอง KS
แนะนำ “ถือ” แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลง 4% ในเดือนที่ผ่านมา แต่ CHG ยังคงมีแนวโน้มให้อัตราผลตอบแทนที่ 8% แม้ว่า CHG จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลของ สปส. แต่ระยะเวลายังไม่แน่นอน ขณะเดียวกันกำหนดการเปิดตัวของ CMC และ CHM ในไตรมาส 2/2566 จะกดดันกำไรในครึ่งหลังของปี 2566 และครึ่งแรกของปี 2567
นอกจากนี้ เรายังคาดว่ารายได้รวมจะฟื้นตัวช้า (19%) กว่าเป้าหมายของบริษัท (23%) ในปี 2566 ขณะที่ upside risk ได้แก่ การลงทุนใหม่และการปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลของ สปส. ส่วน downside risk คือ การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพลดลงและการแข่งขันที่รุนแรงกว่าคาด
