ตามแผนที่ประกาศไว้ ในเดือนตุลาคมปี 2562 บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะนำเงินสกุลดิจิตอล JFIN COIN อีกจำนวน 90 ล้านเหรียญ เสนอขายนักลงทุน ซึ่งล่าสุด ผู้บริหารบริษัท ฯ ยืนยันที่จะดำเนินการตามแผน อีกประมาณ 9 เดือนข้างหน้า JFINCOIN รุ่น 2 จำนวน 90 ล้านเหรียญ จะถูกนำเสนอขาย ในราคาไม่ต่ำกว่า 6.60 บาท แต่คำถามคือ จะขายใคร ในเมื่อนักลงทุน ที่แห่จองซื้อ JFIN รอบแรก ยังเจ็บหนักกันอยู่
“เจ เวนเจอร์ส ” นำออก JFIN จำนวน 300 ล้านเหรียญ และเสนอขายครั้งแรก จำนวน 100 ล้านเหรียญ ในราคาเหรียญละ 6.60 บาท เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะออกกฎควบคุมการเสนอขายเงินสกุลดิจิทัลต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
JFIN รุ่นแรก ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่วัน กวาดเงินไป 660 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านเหรียญนั้น จำนวน 40 ล้านเหรียญ จะจัดสรรให้พนักงาน ผู้บริหารและพันธมิตรของ “ เจ เวนเจอร์ส ” อีก 70 ล้านเหรียญ จะจัดสรรให้ บริษัท เจ มาร์ท และ อีก 90 ล้านเหรียญ จะนำเสนอขายนักลงทุนทั่วไปประมาณเดือนตุลาคมปีหน้า
แต่ถ้าราคา JFIN ที่ซื้อขายในตลาดรอง ทั้งตลาด COIN ASSET และ CASH 2 COINS ยังไม่กระเตื้องขึ้น นักลงทุนที่ไหนจะจองซื้อ JFIN รุ่น 2
JFIN เข้าซื้อขายในตลาดรองครั้งแรก วันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าราคาผันผวนรุนแรง โดยลงไปต่ำกว่า 3 บาท ก่อนที่จะขึ้นมายืนระดับ 3.50 บาท ต่ำกว่าราคาที่เสนอขาย 3.10 บาท
นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรที่แห่จอง JFIN เจ็บหนักกันถ้วนหน้า และสถานการณ์ราคาก็ไม่ได้ดีขึ้น โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ราคาทรุดลงมาปิดที่ 2 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 4.60 บาท
บริษัท เจ เวนเจอร์ส ระดมทุนจากเงินดิจิทัลไปได้ 660 ล้านบาท แต่นักลงทุนที่จองซื้อ เสียหายรวมกันแล้ว 460 ล้านบาท
ส่วนนักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปไล่ซื้อหุ้น JMRAT ดักข่าวดี จากการที่บริษัทลูกออก JFINCOIN ต้องบาดเจ็บสาหัสตามไปด้วย เพราะหุ้น JMART ทรุดหนักตามลงมา
ช่วงออกข่าวออก JFINCOIN หุ้น JMART ถูกลากจากระดับประมาณ 20 บาท/หุ้น ขึ้นไปสูงสุดที่ 25.25 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561และ ถือเป็นราคาสูงสุดในรอบ 12 เดือน
แต่หลังจากนั้น ราคาทรุดลงต่อเนื่อง เข้าสู่ช่วงขาลงเต็มตัวเกือบ 5 เดือนเต็ม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ราคาปิดที่ 9.70 บาท ใกล้สร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 12 เดือน
ถ้าราคา JFINCOIN ในตลาดรอง ยังเคลื่อนไหวในระดับ 2-3 บาท หรือต่ำกว่าราคาที่เสนอขายครั้งแรก 6.60 บาท การเสนอขายรุ่นที่ 2 ต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ เพราะในเมื่อสามารถซื้อในตลาดรองได้ในราคาที่ต่ำกว่า นักลงทุนที่ไหนจะไปจองซื้อ JFINที่จะนำออกขายใหม่ เช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ถ้าหุ้นที่ซื้อขายบนกระดาน ราคาต่ำกว่าหุ้นใหม่ที่บริษัทจดทะเบียนจะนำออกขาย ใครจะหลับหูหลับตาซื้อหุ้นใหม่
โอกาสเดียวที่ "เจ เวนเจอร์ส " จะขาย JFIN รุ่น 2 ได้ ราคา JFIN รุ่นแรกที่ซื้อขายในตลาดรอง จะต้องพุ่งขึ้นยืนเหนือ 6.60 บาท ภายใน 9 เดือนข้างหน้า
แต่จะทำอย่างไร JFINCOIN จะได้รับความนิยม นักลงทุนแห่เข้ามาไล่ซื้อ เพราะราคาที่ร่วงลงมาเหลือ 2 บาท สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นในเงินดิจิทัล ของกลุ่ม JMART ไม่มั่นใจในรูปแบบธุรกิจสินเชื่อบุคคล ที่ไม่มีคนกลางที่บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา
ส่วน JFINCOIN รุ่นแรกที่ขายหมดภายในชั่วพริบตา น่าจะเกิดจากการเก็งกำไรล้วน ๆ มากกว่า
เดือนตุลาคมปีหน้า ต้องรอดูว่า กลุ่ม JMART จะนำ JFIN รุ่น 2 ออกมาขายจริงหรือไม่ และ ยังจะมีใครซื้ออีกหรือ?
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com