Charles Dawin ผู้ให้กําเนิดทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวไว้ว่า " สิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้ สามารถอยู่รอดได้ ไม่ไช่ เพราะ ความที่เขาแข็งแรงและฉลาดที่สุด แต่เป็นเพราะเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ต่างหาก "
และ ถ้านับจากการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โลกได้ผ่านพ้นความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมหลักต่างๆในอดีตมาแล้วไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน สายการบิน ค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรม ท่องเที่ยว โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ นํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ เดินเรือ ธนาคารพาณิชย์ ประกันชีวิต ประกันภัย อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งพิมพ์ สินค้าอิเลคโทรนิกส์ เข่น ตู้เย็น พัดลม โทรทัศน์ แอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และ ได้เข้าสู่อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce โดยสมบูรณ์ ซึ่งทําให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรกในปัจจุบันได้แก่ Apple, Amazon, Google, Microsoft และ Facebook
อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce น่าจะยังคงครองความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ไปอีกซัก 10 ปี ต่อจากนั้นก็น่าจะเป็นยุคของ Renewable Energy และ Electric Vehecle เมื่อมีการพัฒนาระบบ Storage จนมีประสิทธิภาพในการกักเก็บกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด และ เมื่อถึงตอนนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Fossil Fuel เช่น นํ้ามัน ก๊าซธรมชาติ และ ถ่านหิน ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้
ต่อจากนั้นอีก 10 ปี ก็น่าจะเป็นยุค Cryptocurrency จะมาครองโลก และ เมื่อถึงตอนนั้น ธนาคารพานิชย์ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับ Kodak ที่ได้สูญพันธ์ไป และ ถูกแทนที่ด้วย Instragram ยังไงก็ยังงั้น!
เพราะฉะนั้น แผนการลงทุนของผู้โพสต์ก็น่าจะขยายขอบข่ายออกไปอีกตามอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต ดังนี้ คือ :
1) ปี พ.ศ 2561 - 2563 ( 3 ปี ) - ลงทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทย ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง )
2) ปี พ.ศ 2564 ( 1 ปี ) - ถือเงินสด หรือ Short 50 Index Futures หรือ Options เพราะ ฟองสบู่โลกแตก ( หนี้สินท่วมโลก และ ไม่สามารถทนแรงกดดันของสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆที่ Fed Fund Rate ที่ 4.25% ได้ ) ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง )
3) ปี พ.ศ 2565 - 2570 ( 6 ปี ) - ลงทุนในธุรกิจถ่านหิน เพราะ เศรษฐกิจจีนโตได้ดี ( เกิน 7% ) หลังผ่านพ้นฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564 แล้ว ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง )
4) ปี พ.ศ 2571 - 2580 ( 10 ปี ) - ลงทุนใน Renewable Energy และ Electric Vehecle เพราะ น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกในขณะนั้น ( แผนการลงทุนที่ขยายออกไปเนื่องจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต )
5) ปี พ.ศ 2581 - 2590 ( 10 ปี ) - ลงทุนใน Cryptocurrency เพราะ น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกในขณะนั้น ( แผนการลงทุนที่ขยายออกไปเนื่องจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต )
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว แผนการลงทุนของผู้โพสต์จึงจะขยายจาก 10 ปี เป็น 30 ปี โดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เองและไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้
หมายเหตุ : 1) เนื่องจากผู้โพสต์คิดว่าตัวผู้โพสต์เองมีประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีความสนใจเป็นพิเศษ ใน :
1.1) ทิศทางของตลาดหุ้นโดยรวมว่าเป็น " สภาวะตลาดกระทิง " หรือ " สภาวะตลาดหมี " ตามแนวโน้มของทิศทางขาขึ้นและขาลงรอบใหญ่ของ Fed Fund Rate
1.2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ตามนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาล คสช.
1.3) ธุรกิจถ่านหินขาขึ้นรอบใหญ่ ตามสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ผู้โพสต์คาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ในช่วงปี พ.ศ 2565 - 2570
จึงทําให้ผู้โพสต์มีแผนการลงทุนที่ค่อนข้างจะแน่นอนและมีความมั่นใจในหัวข้อ 1.1) - 1.3)
1.4) ส่วน ( Renewable Energy และ Electric Vehecle ) และ Cryptocurrency นั้น ผู้โพสต์จะทําการศึกษาข้อมูลในรายละเอียดขนานไปกับการลงทุนในหัวข้ออ 1.1) - 1.3)
ส่วนในเรื่องอื่นๆ ผู้โพสต์ไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่? แต่ก็ติดตามเท่าที่เวลาจะอํานวยให้เท่านั้นเอง!
ทั้งนี้และทั้งนั้น แผนการลงทุนดังกล่าวข้างต้นของผู้โพสต์ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ ตามสถาณะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com