ห้องเม่าปีกเหล็ก

IVL เกมนี้เหนือชั้นจริงๆ

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
67 views

IVL - เกมนี้เหนือชั้นจริงๆ

โดย Wattana Stock Page

IVL แจ้งข่าวตลาดว่า บริษัท Canopus International (จดทะเบียนในมอริเชียส / เป็นของตระกูลโลเฮีย) ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพแบบไม่จ่ายดอกเบี้ย (Zero Coupon Exchangeable Bonds) มูลค่ารวม 200 ล้าน USD โดยจำหน่ายแก่นักลงทุนสถาบันและ Hedge Fund ในต่างประเทศ

โดยหุ้นกู้นี้ มีหมดอายุปี 2562 และให้สิทธิในการแปลงเป็นหุ้น IVL ที่ถืออยู่โดย Canopus ที่ราคาเริ่มต้นโดยมีพรีเมี่ยม 17.5% ของราคาหุ้น IVL ณ วันที่ 18 มกราคม 2561 (56.75 บาท)

เท่ากับว่า ราคาในการใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เหล่านี้จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 66.68 บาทต่อหุ้น

โดยเงินที่ได้ทั้งหมดจากการขายหุ้นกู้ดังกล่าว รวมกับเงินจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม จะนำไปใช้ในการแปลงสภาพ IVL-W2 ที่ทาง Canopus และ บริษัทอินโดรามา รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 (ทั้ง 2 เป็นของตระกูลโลเฮีย) ถืออยู่

ปัจจุบัน Canopus ถือหุ้น IVL อยู่ 130 ล้านหุ้น หากคำนวณที่ราคาแปลงสภาพขั้นต่ำ คือ 66.68 บาท จะคิดเป็นมูลค่าราว 8.6 พันล้านบาท หรือ 262 ล้าน USD ซึ่งก็เพียงพอต่อการให้สิทธิในการแปลงสภาพ

หากราคาแปลงสภาพสูงขึ้นกว่าขั้นต่ำ ก็จะทำให้ Canopus ยังเหลือหุ้น IVL อยู่หลังการแปลงสภาพเพิ่มมากขึ้น

แต่ประเด็นที่สำคัญไม่ใช่ตรงนั้น แต่อยู่ตรงที่ว่า

เดือนสิงหาคม 2561 นี้ IVL-W2 จะหมดอายุ โดยมีราคาแปลงสภาพที่ 43 บาท

แต่หุ้นกู้แปลงสภาพที่ขายไปนั้น กำหนดให้แปลงสภาพ IVL กันที่ 66.68 บาทขั้นต่ำ

เท่ากับว่า Canopus จะได้กำไรทันที 66.68 - 43 บาท = 23.68 บาท ต่อหุ้น แถมยังประหยัดเงินที่จะนำมาแปลงสภาพ IVL-W2 ไปได้โข เพราะหุ้นกู้ดังกล่าวไม่มีดอกเบี้ย!!!

สรุป Canopus ได้เงินฟรี มาแปลงสภาพ แถมยังได้กำไรจากเงินส่วนนั้นอีกด้วย เจ๋งไหมล่ะ

ตระกูลโลเฮีย ถือ IVL อยู่ 67% ถ้าคิดตามสัดส่วน จะต้องมี IVL-W2 อยู่ในมือราว 248 ล้านหน่วย จากทั้งหมดราว 370 ล้านหน่วย หากไม่ได้มีการขายหรือซื้อเพิ่ม

หากคำนวณจำนวนหุ้นที่จะแปลงสภาพได้จากหุ้นกู้ ก็จะได้มากสุดที่ราว 100 ล้านหุ้น แต่เงินจำนวนนั้นสามารถนำมาแปลงสภาพ IVL-W2 ได้ถึง 153 ล้านหน่วย เท่ากับว่า ตระกูลโลเฮีย หาเงินอีกแค่ 95 ล้านหน่วย * 43 บาท = 4085 ล้านบาท ก็สามารถแปลง IVL-W2 ได้ทั้งจำนวน

แต่หากคิดเช่นนี้ ท้ายที่สุด สัดส่วนการถือหุ้นของตระกูลโลเฮียจะลดลง เพราะถ้าต้องการคงสัดส่วนการถือหุ้น จะต้องแปลงวอแรนท์ทั้งหมดตามสัดส่วนที่ตนเองได้รับมา แต่ว่าหุ้นบางส่วนที่ถืออยู่ถูกกระจายออกไปในมือของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึง Hedge Fund ที่มาซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ นับว่าเป็นวิธีที่แยบยล ที่ได้ประโยชน์จากการหาเงินมาแปลงวอแรนท์ได้ ได้กำไรจากการแปลงสภาพ และยังสามารถลดสัดส่วนการถือหุ้นลง โดยกล่าวอ้างว่าเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นก็ได้อีกด้วย นั่นเพราะปัจจุบันการถือหุ้นอยุ่ถึง 67% ก็นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูง

แต่ถ้าเราลองดูอีกกรณีหนึ่ง สมมติว่า ตระกูลโลเฮียมีศักยภาพที่จะหาเงินก้อนเพิ่มเติมเพื่อมาแปลงสภาพวอแรนท์ได้อยู่แล้ว หากมีการไล่เก็บ IVL-W2 ก่อนหน้านี้ เพิ่มเติมจากสัดส่วนเดิมที่มีอยู่ ก็เหมือนกับการได้ประโยชน์ตรงที่ว่า สามารถรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของตนเอาไว้ได้บ้างตามจำนวน IVL-W2 ที่เก็บเพิ่ม และยังสามารถทำกำไรจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมาใช้สิทธิวอแรนท์อีกด้วย

นอกจากนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ บริษัทแจ้งว่า หุ้นกู้แปลงสภาพนี้มียอดจอง "ล้นหลายเท่า"

Zero Coupon โดยปกติแล้ว จะมีการขายกันที่ discount และได้เงินคืนตามหน้าตั่ว แต่จะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ เพราะอัตราซื้อลดก็คือดอกเบี้ยนั้นเอง

แต่การที่ใส่ออพชั่นเพิ่มเข้าไปก็คือ convertible นั้น จะทำให้ผลตอบแทนลดต่ำลง

ดังนั้น การออก zero coupon convertible bond นี้ คงไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยสูงเป็นแน่ (อาจขายที่ราคาส่วนลดเล็กน้อยเท่านั้น) ถ้าแลกกับการได้เงินมาแปลงสภาพก่อน และยังได้กำไรด้วย เป็นใครก็อยากออก

ส่วนคนซื้อ มีราคาแปลงสภาพกันที่ 66.68 บาทเป็นราคาเริ่มต้น นั่นหมายความว่า "อาจสูงกว่านั้น" (แต่ไม่ได้มีการบอกรายละเอียดว่าราคาแปลงเป็นเท่าไหร่ ให้ข้อมูลมาแค่นี้)

ถามว่า คนที่ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพไป ถ้าเขายอมได้ดอกเบี้ยต่ำมากแล้ว เขาต้องการอะไร แน่นอนว่า เขาต้องการ ส่วนต่างผลกำไรจากการแปลงสภาพ

นั่นหมายความว่า คนที่ซื้อหุ้นกู้ชุดนี้ ย่อมต้องมีความหวังว่าราคาหุ้น IVL จะต้องขึ้นไปสูงกว่า 66.68 บาท ในวันที่ใช้สิทธิแปลงสภาพ และยิ่งขึ้นเยอะเท่าไหร่ก็จะได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น

นี่มันก็บ่งบอกได้แล้วว่า ทั้งกลุ่มของเจ้าของ รวมทั้งผู้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ ย่อมมองว่า อนาคตของบริษัทนั้นดีพอที่จะทำให้ราคาหุ้นมันขึ้นไปเกินกว่า 66.68 บาทในต้นปี 2562 ได้

การทำเช่นนี้ จึงไม่ได้หวังผลเพียงแค่ต้องการเงินมาแปลงสภาพอย่างเดียว

แต่การกำหนดราคาแปลงสภาพมาเช่นนี้ มันก็เป็นบอกนักลงทุนโดยอ้อมแล้วล่ะ


คนเล่นหุ้น