ถือหุ้นไว้เยอะ ควรขายออกมาเพื่อถือเงินสดไว้หรือไม่

นี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับนักลงทุนรายย่อยเมื่อเจอกับตลาดหุ้นปรับฐานค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะเวลานี้ที่ลงมากเกือบ 15% ตั้งแต่เปิดปี 2563 หรือเรียกได้ว่าหุ้นไทยเป็นหุ้นลงแรงที่สุดในโลก

คำถามที่น่าสนใจ คือ ถ้าเราถือหุ้นไว้เต็มพอร์ต หรือถือไว้ค่อนข้างเยอะ จะเป็นการดีหรือไม่ที่จะขายหุ้นออกมาเพื่อถือเงินสดไว้รอซื้อข้างล่าง

นี้ถือเป็นคำถามที่ "ตอบยาก" เพราะนิสัยแต่ละคนแตกต่างกัน แต่พอจะแนะนำเป็นแนวคิดได้ดังนี้ครับ ...

1. การขายตอนหุ้นลงหนัก นั้นหมายถึง "ขาดทุน" ไปแล้ว หรือตัวไหนที่กำไร ก็แสดงว่าได้กำไรเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

2. ถ้าเราขายแล้วไปถือเงินสด แล้วเงินสดจำนวนนั้นจะเอาไปทำอะไร ...
ในสถานการณ์แบบนี้สินทรัพย์ทุกตัวผันผวนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันที่เหวี่ยงตัวรุนแรง ทองคำที่ทำจุดสูงสุดในรอบหลายปี สินทรัพย์ดิจิตอลที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ หรือจะลงทุนในตราสารหนี้ไปก่อน รอให้ตลาดหุ้น "ลงเสร็จ" ค่อยถอนเงินไปซื้อ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราจะได้ซื้อ ณ จุดต่ำสุดของตลาด เพราะกว่าที่เราจะรู้ว่าหุ้นกลับมาดีแล้ว เป็นขาขึ้นไปแล้ว ก็หมายความว่าตลาดหุ้นได้ทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็ไม่ทันขาขึ้นรอบใหม่อยู่ดี

3. ตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนระดับ 2-3% ต่อปีซึ่งถือว่าต่ำมาก ในขณะที่หุ้นดีๆบางตัวให้ปันผลระดับ 5-7% ถึงแม้ว่าดัชนีจะลดลงต่อ แต่เราก็จะได้ปันผลในระดับ "พอใช้"

ในกรณีแบบนี้ การถือหุ้นไว้อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และเมื่อตลาดเริ่มฟื้นตัวพอร์ตของเราก็อาจจะเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น การที่จะขายหุ้นเพื่อถือเงินสดอาจจะไม่ให้ประโยชน์อะไรและอาจจะทำให้พลาดอย่างแรงในกรณีที่หุ้นไม่ได้ลดลงดังที่เราคาด และประวัติศาสตร์ของหุ้นไทยที่ผ่านมาก็มักจะเป็นเช่นนั้น คือ จุดที่คนกลัวที่สุด คือจุดต่ำสุด เมื่อคนทุกคนขายหุ้นออกไปแล้ว เมื่อนั้นตลาดหุ้นก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นให้คนส่วนน้อยได้กำไร ในขณะที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน

และถ้าหากว่าหุ้นดีดตัวกลับขึ้นไปโดยที่เราไม่ได้ซื้อเอาไว้ ความเสียหายก็จะเพิ่มขึ้นมวีคูณ คือ ขายขาดทุน แต่ต้องกลับมาซื้อแพงกว่าเดิม ... ด้วยเหตุผลนี้เอง การอยู่เฉยๆ และ "อดทน" ถือหุ้นไว้ แม้ในใจจะหวั่นว่าหุ้นอาจจะปรับตัวลงหนักได้ตลอดเวลา