
แนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศน่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทำให้โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ยังพอมี รวมทั้งตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีที่ให้ Yield สูง เพียงแต่อาจต้องลงทุนระยะยาวขึ้น
เป็นเพราะหลายปัจจัยยังฉุดให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศยืนอยู่ในระดับต่ำ จึงมีคำแนะนำให้ผู้ลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในตราสารหนี้และรับความเสี่ยงได้น้อย ลองมาพิจารณาล็อคเงินลงทุนให้มีระยะยาวขึ้นในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง อย่างหุ้นกู้เอกชน
บลจ.กสิกรไทย คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวอย่างช้าๆ นอกจากนั้น ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศ ทั้งจากนโยบายของสหรัฐฯ หรือจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่สูง ล้วนเป็นความเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลทำให้ตลาดตราสารหนี้เกิดความผันผวนในระยะสั้นได้
อย่างไรก็ดี ทาง บลจ.กสิกรไทย แนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว และสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ อาจเลือกล็อกผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่มีระยะเวลาลงทุนยาวนานขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ล่าสุด บลจ.กสิกรไทย อยู่ระหว่างเปิดขาย “กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 32 เดือน เอ” อายุโครงการประมาณ 2 ปี 8 เดือน ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นกู้ชั้นนำของบริษัทในประเทศไทย
กองทุนนี้ ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.10% ต่อปี โดยจะจ่ายคืนผลตอบแทนเป็น Income ด้วยการรับซื้อคืนอัตโนมัติทุก 6 เดือน
ส่วนคู่แข่งคือ บลจ.เอ็มเอฟซี ก็อยู่ระหว่างเสนอขาย "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 23" อายุประมาณ 3 ปี โดยเน้นลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชน ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งตราสารหนี้ที่จะลงทุน เป็นตราสารที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้งหมด
กองทุนของเอ็มเอฟซี มีนโยบายจ่าย Income ระหว่างทางเช่นกัน ด้วยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 3 เดือน เฉพาะผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.70% ต่อปี
แม้ความเสี่ยงจะขยับเพิ่มขึ้นมาบ้างสำหรับกองทุนตราสารหนี้ ที่แบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน ที่ให้ผลตอบแทนน่าจะอยู่ในช่วง 2-5% แต่ก็ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำอยู่พอสมควร ดังนั้น ผู้ลงทุนท่านไหนที่ต้องการให้เงินงอกเงย (ความเสี่ยงไม่สูงเท่าหุ้น) ก็อาจลองไปเปิดเว็บไซท์หาข้อมูลกองทุนที่เหมาะกับตัวเอง กับบลจ.ที่คิดว่าสามารถบริหารเงินลงทุนของเราได้ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินมากที่สุด และอย่าลืมเช็คว่าค่าธรรมเนียมไม่แพงด้วย
**********************************
ที่มา : ทีม Business & Finance , Money Channel