กรมควบคุมโรคฯเตือนระวังไข้หวัดนกระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน แนะหลีกเลี่ยงเดินทาง
อาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2560 17:09:27 น.
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค มีรายงานการระบาดโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศ รวมถึงพบ การระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ปีกในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น กัมพูชา เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยแม้ไม่พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกมานานประมาณ 12 ปี (ตั้งแต่ปี 2549) แล้วก็ตาม แต่ยังพบรายงานสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติในบางจังหวัด ซึ่งปัจจุบันไม่มีข้อมูลยืนยันพบเชื้อไข้หวัดนกในประเทศไทยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันโรค กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางไปในประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดนก และเฝ้าระวังสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติภายในประเทศ สำหรับผู้เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองที่มีการระบาด หลีกเลี่ยงการเดินทางไปฟาร์มสัตว์ปีก ตลาดขายสัตว์ปีกมีชีวิต โรงฆ่าสัตว์ โรคชำแหละ และการสัมผัสสัตว์ปีก ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ รับประทานอาหารปรุงสุก และหากมีอาการคล้ายไข้หวัดภายในช่วง 14 วันหลังกลับจากพื้นที่ดังกล่าว ควรสวมหน้ากากอนามัย รีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทาง
ส่วนการป้องกันภายในประเทศ เน้นการกำจัดสัตว์ปีกที่ป่วยตายที่ถูกต้อง หากจำเป็นต้องสวมถุงมือก่อนสัมผัส ไม่นำสัตว์ปีกป่วยตายมารับประทาน หากมีข้อสงสัยเรื่องสัตว์ปีกป่วยตายสอบถามข้อมูลได้ที่จากสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ โทร 0-2653-444 ต่อ 4137-8 และหากพบมีไข้ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว หอบเหนื่อย และมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกหรือมีสัตว์ปีกป่วยตาย ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ประชาชนสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq01/2666096
กนอ.เปิดให้บริการท่าเทียบเรือสินค้าสาธารณะแห่งที่ 2 ก.ค.นี้ รองรับขนถ่ายสินค้ารอบพื้นที่ EEC
อาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2560 16:11:52 น.
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (กนอ.) เปิดเผยว่า ล่าสุด กนอ.ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคมออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเลแล้ว เพื่อจะได้ดำเนินการบริหารจัดการและให้บริการท่าเทียบเรือ MIT สำหรับใช้เป็นท่าเรือสาธารณะแห่งที่ 2 ขนาดหน้าท่ายาว ประมาณ 1,024 เมตร ความลึกของหน้าท่า 12.0 เมตร สามารถให้บริการรองรับเรือบรรทุกสินค้าได้สูงสุดถึง 60,000 DWT (Deadweight Tonnage) มีท่าเทียบเรือทั้งหมด 4 ท่า โดยรองรับการขนถ่ายสินค้าประเภทเทกอง เช่น เหล็ก เศษเหล็ก เศษไม้ สินค้าประเภท Oversized Cargo และระยะต่อไปจะรองรับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์
ปัจจุบันท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นท่าเรือน้ำลึกที่ดำเนินการตามมาตรฐานสากล มีผู้ประกอบการ 12 ราย จำนวนท่าเทียบเรือให้บริการถึง 32 ท่า โดยเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเฉพาะกิจ 9 ราย และผู้ให้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะ 3 ราย ประกอบด้วย 1.ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปสาธารณะ โดย บริษัท ไทยพรอสเพอริตีเทอมินอล จำกัด (TPT) 2. ท่าเทียบเรือสินค้าเหลวสาธารณะ โดยบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) และ 3.ท่าเทียบเรือสินค้าสาธารณะแห่งที่ 2 (MIT) โดยคาดว่าท่าเทียบเรือ MIT จะเปิดให้บริการประมาณเดือนก.ค.60 ซึ่งจะช่วยรองรับการขนถ่ายสินค้าในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเพิ่มขึ้นได้สูงถึง 7 ล้านตันต่อปี และยังช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการจากความแออัดในการใช้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะบริเวณท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
นายวีรพงศ์ กล่าวว่า จากการศึกษานโยบายต่าง ๆ ของรัฐ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดมีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายให้จังหวัดในภาคตะวันออกของไทย ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำ และมีการเชื่อมโยงกับประชาคมอาเซียนและนโยบายประชารัฐ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศและเน้นการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาคสู่การเป็นประเทศการค้าและบริการ และเร่งพัฒนาศักยภาพของท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนในพื้นที่ EEC และเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนไปยังภูมิภาคของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจะทำให้เกิดการเชื่อมไปยังท่าเรืออุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือฯ มาบตาพุด ท่าเรือฯ สัตหีบ และท่าเรือฯ แหลมฉบัง ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุน ตามนโยบายรัฐอย่างแท้จริง
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2666095