BEM แนวโน้มกำไรสดใส
อัปเดตจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BEM รายงานจำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในเดือนพ.ย. ที่ 3.53 แสนเที่ยว/วัน เพิ่มขึ้น 3.5% MoM หรือเท่ากับ 86% ของระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 (เดือนพ.ย.2562) แต่น้อยกว่าที่เราคาดไว้ 2.5% จากการปิดสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และวันหยุดพิเศษของรัฐบาลในช่วงการประชุม APEC เดือนพ.ย.
อัปเดตปริมาณจราจร ปริมาณการจราจรบนทางพิเศษของ BEM ในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยว เพิ่มขึ้น 1.9% MoM หรือเท่ากับ 87% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 แต่น้อยกว่าที่เราคาดไว้ 2.5% จากปริมาณจราจรที่น้อยลงในช่วงวันหยุดพิเศษ APEC
คาดจำนวนผู้โดยสารเดือนธ.ค. เติบโตขึ้นจากงานกาชาด เราคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มมากขึ้นจากงานกาชาดที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธ.ค.-18 ธ.ค. ที่สวนลุมพินีซึ่งสถานีรถไฟใต้ดินของ BEM ตั้งอยู่ใกล้ ๆ
หากเทียบกับงานกาชาดที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-24 พ.ย.2562 จำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินเพิ่มขึ้น 10% MoM หรือจาก 3.75 แสนเที่ยว/วัน ในเดือนต.ค.2562 มาอยู่ที่ 4.13 แสนเที่ยว/วัน ในเดือนพ.ย.2562 เราคาดว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินจะเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. ปีนี้ซึ่งจะหักล้างจากผลกระทบเชิงลบจากช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี
แนวโน้ม เราคาดว่าจะต้องใช้เวลากว่าปริมาณการจราจรจะฟื้นตัวช้ากลับมาอยู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 จากนโยบายการทำงานแบบไฮบริด ในส่วนของกำไรสุทธิ เราคาดว่าแนวโน้มจะสดใสจากโครงสร้างต้นทุนที่ดีกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 จากค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงของระบบทางด่วนจากการต่ออายุสัมปทานในปี 2563 และเราคาดว่าบริษัทในเครือของ BEM ได้แก่ TTW จะรายงานกำไรปกติปี 2566 ที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดโควิด-19 และ CKP จะรายงานกำไรปกติที่ดีกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 300% นอกจากนี้ BEM มีกำหนดที่จะเพิ่มค่าโดยสารรถไฟใต้ดินขึ้นในเดือนม.ค.2566
มุมมอง KS
“ซื้อ” BEM และปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ขึ้นเป็น 11.33 บาท ปัจจัยหนุนราคาหุ้นคาดจะมาจากปริมาณจราจรบนทางพิเศษและจำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและการเริ่มโครงการทางด่วน 2 ชั้น ในปี 2566 ทั้งนี้ เรารวมมูลค่าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีม่วงตอนใต้ในมูลค่าของเราแล้ว
