มูลค่าของสิ่งที่คิดจะเพิ่มขึ้น เมื่อ คัดสิ่งที่ใส่เข้าไปใน "ความคิด" ในแต่ละวัน
Input to output
.
ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน
คุณต้องเริ่มจากการเป็น "นักอ่าน" ก่อน
.
ถ้าคุณอยาก "สำเร็จทางการงาน หรือการเงิน"
ต้องเริ่มจาก การมานั่งไล่ดู สิ่งที่คุณใส่เข้าไปในแต่ละวันก่อน
.
ถ้าลองมองดูแล้ว
‘นักอ่าน’ ก็เหมือนกับ Input ที่เพิ่มข้อมูลและการรับรู้เข้าไปในสมองด้วยการอ่าน
‘นักเขียน’ ก็เหมือนกับ Output ผู้ลงมือเขียน สรุป รวบยอดข้อมูลการรับรู้ต่าง ๆ ที่ได้สั่งสมมาไม่ว่าจะจากการอ่าน การฟัง หรือประสบการณ์ส่วนตัวออกมาเป็นตัวหนังสือ
.
ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึง ถ้าคุณไม่มี input ที่ดี คุณจะไม่สามารถรักษาไว้ซึ่ง output ที่ดีได้เช่นกัน
.
Input และ Output คืออะไร ?
.


.
แต่การที่มี Input เยอะ ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลเหล่านั้นจะมีคุณภาพเสมอไป เราจึงต้องมีการรับรู้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะนำไปสู่การใช้ Output ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด
.
อัตราส่วนที่ดีที่สุดของ input และ output จาก ชิออน คาบาซาวะ ผู้เขียนหนังสือ The Power of Output คือ 3:7
.
ในการอ่านหนังสือ หลายคนเน้นอ่านจำนวนมาก ๆ เพราะคิดว่าจะได้รับความรู้มากตามจำนวนที่อ่าน แต่ความจริงแล้ว เราจะจำเนื้อหาของหนังสือได้ดีทีสุดแค่ในช่วง 5 นาทีแรก และ 5 นาทีสุดท้ายของการอ่านเท่านั้น
.
ฉะนั้น การที่จะอ่านให้มีประสิทธิภาพ หรือการรับ Input ที่ดี คือต้องอ่านแล้วเอาไปลงมือทำทันที หรือหากยังลงมือทำไม่ได้ก็ลองฝึกอธิบายเนื้อหาของหนังสือด้วยการเขียน หรือพูดกับเพื่อนเกี่ยวกับหนังสือที่อ่านให้ได้ ซึ่งก็คือ Output เหมือนกัน จะทำให้จำเนื้อหาหรือรับ input ได้ดียิ่งขึ้น
.
แล้วการสร้าง Output ดีและมีประโยชน์อย่างไร ?
1. สร้างความจำระยะยาวให้กับสมอง
2. ได้พัฒนาตนเองเพิ่มขึ้น
3. เกิดผลสำเร็จอย่างชัดเจน
4. ได้ดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา
5. สร้างความเปลี่ยนแปลงโลกในความเป็นจริงได้
.
สำหรับคนที่อยู่ในวัยทำงาน การคัดกรอง Input ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะในวันหนึ่งมี Input วิ่งเข้าหาเราตั้งมากมาย ทั้งเรื่องที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจรับเข้ามา
.
บางคนชอบรับ input ในแง่ลบมากเกินไป เช่นเรื่องข่าวเชิงลบ , เนื้อหาทางโซเชียลที่มีแต่อารมณ์ ฯลฯ
ทำให้เกิดความกลัว กังวล หรือลังเล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพิษ ทางจิตใจ วิธีการเลือกรับที่ดีจึงควรมีการหาความจริงในแง่ของเหตุผลมารองรับ หรือทำใจเตือนตัวเองเสมอว่า รู้แล้วได้ะไร? , รู้แล้วเอาไปใช้อะไรต่อได้?
.
และควรเลือก Input ที่มีคุณภาพในแต่ละวันให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่นเลือก Input ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น งาน, ครอบครัว และสุขภาพ เป็นพื้นฐาน
หรือ Input ที่เป็นประโยชน์ในการเติบโตในทางการงานและการเงิน เช่น อ่านหนังสือ, การท่องเที่ยว, การลงทุน, การเงิน, การเรียนรู้ เป็นต้น
.
สิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้เกิดการลงมือทำใหม่ๆและเห็นโอกาสได้ดียิ่งขึ้น
.
สำหรับคนวัยทำงาน วิธีที่จะผลิต Output ให้มีประสิทธิภาพจากการคัดกรอง Input
ให้มีประโยชน์กับชีวิตต่อไปนั้น มีตัวอย่างดังนี้
.
1. ลองเรียนรู้ความไม่ perfect ของตัวเองเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงต่อไป เช่น ถ้ารู้ว่าไม่ถนัดภาษา ก็หาคอร์สเรียนภาษาเพิ่ม เพื่อจะได้มีทักษะภาษาที่ดีขึ้น และยังได้เพิ่มโอกาสให้กับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอีกด้วย
.
2. พยายามบอกเล่าความรู้จากการอ่านหนังสือ หรือประสบการณ์จากการท่องเที่ยวให้คนรอบตัวได้ฟัง เพราะเป็นการทบทวนความรู้และเรื่องราวที่ได้เจอมา ซึ่งกระบวนการคิดและการถ่ายทอดนี้เองจะช่วยพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จอื่น ๆ ได้
.
การสะสมความรู้โดย Input เยอะ ๆ เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกับชีวิตคุณได้ แต่ควรโฟกัสที่การผลิต Output ให้ได้เยอะมากกว่า เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองตามเป้าหมายได้สำเร็จ
.
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ พนักงานที่ก้าวหน้าในอาชีพ หรือแม้แต่เพื่อนที่โดดเด่นในชีวิตคุณ คนเหล่านี้มักมีเบื้องหลังเสมอ พวกเขาไม่ได้เก่งมาแต่กำเนิด แต่พวกเขาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเพื่อถีบตัวเองไปอยู่จุดสูงสุดได้เท่านั้นเอง
.
และคุณก็สามารถเป็นอย่างพวกเขาได้หากเลือก Input ที่ดี และใช้ Output ออกมาให้ ‘Outstanding’
.
เรียบเรียงโดย 100WEALTH
ภาพถ่ายโดย : Aotto