EEC จุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะตามมาอีกมากมาย…
ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มผ่อนคลายลงมากขึ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เป็นต้นเหตุปัจจัยสำคัญที่สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงไปทั่วโลก ทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ความกังวลเรื่องเฟด จะขึ้นดอกเบี้ยลดลง
จากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกที่ลดลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ ทั้งเรื่อง พรบ. EEC ที่ผ่าน สนช. เรียบร้อยแล้ว รอเพียงขั้นตอนประกาศออกมาใช้เป็นกฎหมายเท่านั้น และเรื่องของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีสามารถกลับขึ้นไปทดสอบ 1,800 จุดได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การปลดล็อค พ.ร.บ.EEC จะเป็นตัวแปรที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศในการลงทุนระยะยาว เนื่องจากใจความสำคัญของ พ.ร.บ. EEC มุ่งเน้นให้มีการลงทุนใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศ โดยกำหนดให้พื้นที่จังหวัด ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา และพื้นที่อื่นๆที่อยู่ในภาคตะวันออกที่จะกำหนดเพิ่มเติมภายหลัง เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และนอกจากนี้จะดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุน 1.5 ล้านล้านบาทใน 5 ปีแรก
เชื่อว่า พ.ร.บ. EEC จะช่วยปลดล็อคความต้องการที่ดินให้กับกลุ่มนักลงทุน เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งยังไม่กล้าเข้าลงทุนจริง เนื่องจากรอความชัดเจนของ พ.ร.บ. EEC ในด้านสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีการลงทุนเกิดขึ้นจริง สำหรับสิทธิประโยชน์ตามพ.ร.บ. EEC จะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เช่น สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของนักลงทุน สามารถเช่าที่ดินได้ถึง 50 ปี และต่อสัญญาเช่าได้อีกไม่เกิน 49 ปี, สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ หรือผู้บริหาร , สิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนทางภาษีที่เพิ่มเติมจาก พ.ร.บ. BOI แต่ต้องพิจารณาเป็นรายกิจการ ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.), และสิทธิในการใช้เงินตราต่างประเทศ เพื่อชำระสินค้าหรือบริการระหว่างผู้ประกอบกิจการ
จาก พ.ร.บ.EEC ฉบับนี้นั้นลดความไม่แน่นอนของกฎระเบียบการลงทุนและเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเร่งตัวในการลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมและกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์จาก พรบ. EEC นี้ อันดับแรกคงมองไปที่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA WHA ที่เป็นผู้เล่นหลัก และที่มองข้ามไม่ได้อย่าง TICON ที่เพิ่งเปลี่ยนเจ้าของเป็น “เจ้าสัวเจริญ” ที่ต้องบอกว่า เล็กๆไม่ทำ แต่ต้องทำให้ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อย่าง CK STEC PYLON ที่ยังตอบรับปัจจัยบวกได้อีกมากจากโครงการนี้ กลุ่มธนาคาร KTB BBL KBANK SCB ที่จะได้ประโยชน์ด้วยการปล่อยสินเชื่อเพื่อการลงทุนในเขตพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกมาก กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ อย่าง JWD เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จาก พรบ. EEC นี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม นับได้ว่าการการปลดล๊อค พรบ. EEC ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่สนับสนุนทั้งในภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
สรุป หลังจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเข้าสู่สมดุล และพร้อมจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากพื้นฐานภายในประเทศเป็นหลัก จึงน่าจะเป็นจังหวะในการเลือกซื้อหุ้นลงทุนที่ราคาปรับตัวลงมามาก จากเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวเลยทีเดียว ปลดล็อค EEC จุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะตามมาอีกมากมาย