4 ปัจจัยฉุดตลาดคริปโทฯ กดดัน ราคาบิตคอยน์ หลุด 100,000 ดอลลาร์
บทความโดย
ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน
PhD in Financial Mathematics ผู้ร่วมก่อตั้ง และ ที่ปรึกษาของ Forward – Decentralized Derivatives Platform และ Forward Labs – Blockchain technology labs และ อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

หลังจากช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าครึ่งปีที่ตลาดคริปโทฯเหมือนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ราคาบิตคอยน์ ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนเริ่มพูดถึงจุดสูงสุดใหม่ เงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาด ทุกอย่างดูเหมือนอยู่ในทิศทางที่ดี
แต่บรรยากาศแห่งความมั่นใจนั้นค่อย ๆ เปลี่ยน แรงขายเริ่มก่อตัว ราคาขยับช้าลง และในที่สุดความกดดันจากทั้งมหภาคและฝั่งสถาบันก็ระเบิดออกมา ตลาดร่วงแรงแบบไม่ทันตั้งตัว ราคาบิตคอยน์หลุด 100,000 ดอลลาร์ ส่วน ETH ร่วงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ พร้อมกับเสียงบ่น “พอแล้ว หลาบแล้ว เข็ดแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว”
ในความตื่นตระหนกนั้น คำถามที่ทุกคนอยากรู้คือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตลาดที่เคยดูแข็งแรงทำไมถึงเปราะบางขนาดนี้ และเรายังจะหวังเห็นการฟื้นตัวได้อีกหรือไม่
1. Macro Economics: สัญญาณ “อาจไม่ลดดอกเบี้ย” ที่คนมองข้ามไม่ได้
ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตลาดคาดหวังว่า Fed จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินและลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ แต่สัญญาณล่าสุดที่ส่งมาจาก Fed กลับชี้ว่า โอกาสลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังดื้อดึงและความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ ผลลัพธ์คือ นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยง และไหลกลับไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ทำให้คริปโทฯถูกกดดันหนักเป็นพิเศษ
2. การทำกำไรของรายใหญ่: “ปล่อยของ” ครั้งนี้แรงกว่าที่คาด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ แรงขายจากนักลงทุนรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน, ผู้ถือคริปโทฯระยะยาวขนาดใหญ่ (whales) หรือกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ทยอยล็อกกำไรจากรอบขาขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อรายใหญ่ “เทของ” ออกมาเป็นปริมาณมากในระยะสั้น ย่อมสร้างแรงกระทบต่อภาพรวมตลาด และเปิดช่องให้การไล่ Liquidate สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เกิดขึ้นเป็นลูกโซ่
3. Sentiment ที่แย่ตั้งแต่เหตุการณ์ 10/10: ความกลัวที่สะสม
เหตุการณ์ Liquidation หนักในวันที่ 10/10 เป็นจุดเริ่มต้นของความตึงเครียดในตลาดครั้งใหม่ หลายบัญชีถูกปิดสถานะพร้อมกันในปริมาณมหาศาล ทำให้ความเชื่อมั่นหรือ Sentiment ของนักลงทุนเริ่มอ่อนตัว
หลังจากนั้น บรรยากาศในตลาดเต็มไปด้วยความระแวง ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเข้าใหม่ และเลือก “รอให้แน่ใจก่อน” ส่งผลให้แรงซื้อกลับเบาบางกว่าที่ควร
4. ความกังวลเรื่อง “ระเบิดเวลา” ใครเสียหายจาก 10/10?
หลัง Liquidation ครั้งใหญ่ หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า มีใครเสียหายหนักจนกลายเป็นระเบิดเวลาหรือไม่?
ถ้ามีสถาบัน กองทุน หรือแพลตฟอร์มใดได้รับผลกระทบและยังไม่เปิดเผย โดยปัจจุบันมีแพลตฟอร์มบางที่ ที่เริ่มส่งกลิ่นที่ไม่ดี และอาจเป็นความเสี่ยงที่รอระเบิดขึ้นมาในอนาคต ความไม่แน่นอนนี้เองที่ยิ่งเพิ่มความกดดันต่อราคา
มุมมองเชิงวิเคราะห์: การลงรอบนี้ “หนักเพราะ Liquidation” มากกว่า Spot
แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ข้อมูลหลายตัวสะท้อนว่าโครงสร้างตลาดยังไม่เสียหายทั้งหมด
- Outflow ในภาพใหญ่ ยังไม่เป็นขาลงชัดเจน
- On-chain metrics ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ (intact)
- ปริมาณ stablecoins ยังหมุนเวียนในระบบ และยังเพิ่มขึ้น
- กิจกรรมบนเครือข่ายยังไม่ชะลอตัวแบบผิดปกติ
แปลว่าแรงลงรอบนี้มีลักษณะ “Forced selling” มากกว่า “Panic selling แบบยาว ๆ” หากไม่มีข่าวลบ surprise เพิ่มเติม ตลาดมีโอกาสเห็น ภาพการฟื้นตัว (Recovery) กลับมาในระยะต่อไป
แล้วนักลงทุนควรทำอย่างไรตอนนี้?
ในช่วงตลาดผันผวนแบบสุดขีด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมความเสี่ยง (Control Risk)
- ลดขนาดสถานะ (Sizing) ให้เหมาะกับพอร์ต
- ปิดความเสี่ยงบางส่วนเพื่อให้ถือไหว
- ตั้ง Stop หรือใช้ Hedging หากจำเป็น
- ถือเฉพาะสินทรัพย์ที่มั่นใจและรับความเสี่ยงได้จริง
- อย่าปล่อยให้พอร์ตพาอารมณ์นำการตัดสินใจ
จำไว้ว่าการอยู่รอดสำคัญกว่าการได้กำไรในช่วงสั้น ๆ เพราะตลาดคริปโทฯยังคงมีรอบขาขึ้นขนาดใหญ่เสมอเมื่อเวลาสุกงอม
สรุปถ้าไม่มีระเบิดใหม่ เราอาจกำลังเห็น “โอกาสฟื้นตัว”
ตลาดรอบนี้ลงแรงเพราะ Liquidation Chain Reaction มากกว่าพื้นฐานเสีย และถ้าปัจจัยเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ไม่ปะทุขึ้นมาอีก ราคามีโอกาสเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวในระยะถัดไป
สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าตลาดลงไปถึงไหน แต่คือ เราควบคุมความเสี่ยงได้ดีแค่ไหน และอยู่ในเกมได้นานพอหรือไม่
**หมายเหตุ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น มิใช่คำแนะนำทางการเงิน (Not Financial Advice) ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และพิจารณาความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ราคาสามารถผันผวนอย่างรุนแรง และอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ผู้ลงทุนควรใช้ดุลยพินิจและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ที่มาเนื้อหาจาก.. https://moneyandbanking.co.th/