ห้องเม่าปีกเหล็ก

คุ้ย ‘อิตาเลียนไทยฯ-ไชน่า เรลเวย์’ รับงานรัฐ 2 สัญญา ‘หมื่นล้าน’

โดย อีกฝั่งของพระจันทร์
เผยแพร่ :
108 views

คุ้ย ‘อิตาเลียนไทยฯ-ไชน่า เรลเวย์’ รับงานรัฐ 2 สัญญา ‘หมื่นล้าน’

 

  • ผ่ากิจการร่วมค้า ‘อิตาเลียนไทยฯ-ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10’ คว้างานรัฐ 2 สัญญา รวมวงเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
  • หนึ่งในนั้นคือการก่อสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ ก่อนเกิดเหตุถล่มหลังแผ่นดินไหว จนถูกเข้าไปตรวจสอบปม ‘นอมินี-วัสดุก่อสร้าง-ฮั้วประมูล’
  • ก่อน ผบช.น.ลงนามคำสั่งดำเนินคดีเอาผิด 17 บุคคล-เอกชนที่เกี่ยวข้อง แบ่ง 3 กลุ่ม มีชื่อ ‘เปรมชัย กรรณสูต’ ด้วย

 

 

เงื่อนปมอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค.2568 ซึ่งอาคารแห่งนี้ถูกก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี คือ Joint Venture ร่วมกันระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน แบ่งประเด็นการสอบสวนออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.กรณี “นอมินี” คนไทยถือหุ้นแทน “คนต่างด้าว” มีดีเอสไอ-กระทรวงพาณิชย์ เป็นแม่งานเข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้นได้จับกุม “ชาวจีน” คือ ชวนหลิง จาง และคนไทย 3 คนคือ นายมานัส ศรีอนันท์ นายประจวบ ศิริเขตร และนายโสภณ มีชัย เพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันทั้ง 4 คน ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำระหว่างสอบสวน

2.กรณี “วัสดุก่อสร้าง” ไม่ตรงสเปก และส่อไม่ได้มาตรฐาน มีกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นแม่งาน โดย “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการฯ สั่งให้ตรวจสอบสเปกเหล็กที่ใช้ก่อสร้าง จนพบว่ามี “เหล็กข้ออ้อย” บางส่วนอาจไม่ได้มาตรฐาน มาจาก “ซินเคอหยวน สตีล” ธุรกิจที่มีเครือข่าย “ทุนจีน” ถือหุ้น จึงดำเนินการอายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับสั่งเพิกถอน BOI บริษัทแห่งนี้แล้ว

3.กรณี “สาเหตุตึกถล่ม” ปัจจุบันมีตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย เป็นแม่งาน ปัจจุบันพุ่งเป้าไปที่ “การแก้แบบ” จำนวน 9 ครั้ง ที่ผ่านการอนุมัติในที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) โดยเรื่องนี้ทำควบคู่ไปกับกลไกในสภาฯ คือ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือ “กมธ.ป.ป.ช.” ที่มี “ฉลาด ขามช่วง” สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ.

กรุงเทพธุรกิจ ขยายผลนำเสนอข้อเท็จจริงพบว่า CREC ในไทย มีบริษัทเครือข่ายอีกกว่า 14 บริษัท โดยมี 3 คนไทย เข้าไปเป็นกรรมการและถือหุ้น รวมถึงเข้าเป็นคู่สัญญาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวมอย่างน้อย 29 สัญญา รวมวงเงินกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท 

โดยพฤติการณ์ของ CREC ในไทยนั้น ใช้โมเดลธุรกิจในลักษณะเป็น “กิจการร่วมค้า” กับเอกชนรายอื่น ๆ โดยเริ่มจากเข้าไป“ซื้อซอง”เอกสารการประมูลงานรัฐ แต่ไม่ได้เข้าร่วม“ยื่นซอง” หรือ“ยื่นเสนอราคา” แต่กลับไปดีลกับเอกชนไทยที่“ทุนหนา” เพื่อเข้าร่วมเป็น“กิจการร่วมค้า” ดำเนินการ“ยื่นซอง”ประมูลแทน

ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ลงนามคำสั่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ให้ดำเนินคดีเอาผิดผู้ต้องหารวม 17 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 

กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ ได้แก่ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประทศไทย) จำกัด ทำสัญญาระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และมีกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง จำนวน 5 ราย รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย

กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง ได้แก่ กิจการร่วมการค้า PKW จำนวน 1 รายในฐานะส่วนตัว เนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ซึ่งทั้ง 3 บริษัท ตกลงยินยอมรับผิดร่วมกัน และ แทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี โดย 3 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 3.บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 ราย

กลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง ได้แก่ 1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนกินการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย

รวมผู้ถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 17 ราย โดยมีรายงานแจ้งว่า 1 ใน 17 รายที่ถูกดำเนินคดีนั้น ปรากฎชื่อ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร “อิตาเลียนไทยฯ” และผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “อิตาเลียนไทยฯ” 11.90% ด้วย

สำหรับพฤติการณ์ระหว่าง “อิตาเลียนไทยฯ-ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” นั้น พบว่า ทั้งคู่เป็น “กิจการร่วมค้า” เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐอย่างน้อย 2 ครั้ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) รวมวงเงินราว 11,484,995,700 บาท ได้แก่

1.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วง แก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก - บันไดม้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

โครงการนี้กำหนดวงเงินงบประมาณ เมื่อ 28 มี.ค. 2562 รวม 11,387,000,000 บาท ราคากลาง 11,063,937,000 บาท โดยมีกิจการร่วมค้า บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) - บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด (บริษัทเครือข่าย “ไชน่า เรลเวย์”) เป็นผู้ชนะการเสนอราคา ด้วยวงเงิน 9,348,995,700 บาท

2.โครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ บริเวณจตุจักร กทม. สัญญาเลขที่ 021/2564 ลงวันที่ 23 พ.ย.2563 จ้างกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ พร้อมสิ่งก่อสร้าง ประกอบ วงเงิน 2,136 ล้านบาท

ทั้งนี้ในการสอบสวนของดีเอสไอ มีการระบุว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะพยายามค้นหาความจริงทั้งหมด เพราะท้ายสุดแล้วโครงการทั้ง 29 โครงการที่เครือข่าย “ไชน่า เรลเวย์ฯ” ล้วนได้ก่อสร้าง โครงการสุดท้าย โครงการที่ 29 พบว่าเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท ด้วย

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) เป็นยักษ์ใหญ่บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับโครงสร้างพื้นฐานของไทย ของคนตระกูล “กรรณสูต” จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อ 24 มี.ค. 2537 ทุนปัจจุบัน 6,337,920,861 บาท ชำระแล้ว 5,279,868,944 บาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 2034/132-161 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 

วัตถุประสงค์ รับเหมาก่อสร้าง รับจ้างทำของ มีกรรมการ 9 คน ได้แก่ นายเปรมชัย กรรณสูต นางนิจพร จรณะจิตต์ นายไผท ชาครบัณฑิต นายวิลเลี่ยม ลี เซนท์กราฟ นายปีติ กรรณสูต นายธรณิศ กรรณสูต นายไส้ หว่า ไซม่อน ซุน นายภิญโญ มีชำนะ นายวิรัช ก้องมณีรัตน์

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อปี 2566 นายเปรมชัย กรรณสูต ถือหุ้นใหญ่ 11.9% นิจพร จรณะจิตต์ ถือ 6.64% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (บริษัทลงทุนของ ตลท.) ถือ 3.32% SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED ถือ 2.05% N.C.B.TRUST LIMITED-POLUNIN EMERGING MARKETS SMALL CAP FUND, LLC ถือ 1.10% นางวลัยทิพย์ พิริยะวรสกุล ถือ 0.95% นายไชยา สกุลชัยวาณิชย์ ถือ 0.89% น.ส.จิตราพรรณ จรณะจิตต์ ถือ 0.87% นายปัณณกุนท์ วัฒนาอุดม ถือ 0.80% น.ส.ปราชญา กรรณสูต ถือ 0.74% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยถือรวมกัน 70.74%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2566 สินทรัพย์รวม 89,251,986,000 บาท หนี้สินรวม 80,963,771,000 บาท รายได้รวม 31,234,773,000 บาท รายจ่ายรวม 29,075,690,000 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 2,176,786,000 บาท เสียภาษีเงินได้ 177,171,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 194,874,000 บาท

 

ทีมา.. https://www.bangkokbiznews.com/politics/1180532

 


อีกฝั่งของพระจันทร์