ห้องเม่าปีกเหล็ก

3 หุ้นเด่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อถึงเวลาน้ำไหลปั่นกำไร

โดย Story
เผยแพร่ :
58 views

3 หุ้นเด่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อถึงเวลาน้ำไหลปั่นกำไร

เหตุอันใดพอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคนหลีกไกล เหตุอันใดเธอเคยคิดดูหรือไม่ ใครล้อมกรอบตัวเอง” สำหรับใครที่เป็นแฟนเพลงสมัยยุค 80 ก็คงจะพอนึกออกว่า เนื้อเพลงที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพลงอะไร ใครเป็นคนร้อง แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ ก็คงจะสงสัยว่าคือเพลงอะไร หากจะลองไปเสิร์ชหาข้อมูลก็จะพบว่านั่นคือเพลง “เจ้าสาวที่กลัวฝน” ของคุณ “เต๋อ” เรวัต พุทธินันทน์


เกริ่นมาแบบนี้แล้วนักลงทุนทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าคงจะสงสัยว่าแล้วเพลงนั้นเกี่ยวอะไรกับการลงทุน เกี่ยวอะไรกับหุ้น ซึ่งอาจจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ได้ แต่จะขอเชื่อมโยงไปยัง 3 หุ้นบริษัทโรงไฟฟ้าของไทย ที่มีพอร์ตการลงทุนโรงไฟฟ้าเป็นประเภทโรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือที่เรียกง่ายๆว่าใช้ปริมาณน้ำนำมาผลิตกระแสไฟฟ้านั่นเอง ทั้งนี้เมื่อฝนมาในปริมาณที่มากจึงทำให้มีปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นนั่นก็หมายความว่า เขื่อนจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อขายได้มากขึ้น


3 หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่ของไทยที่มีพอร์ตการลงทุนในประเภทโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ซึ่งล้วนแต่เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน สปป.ลาว ซึ่งมีฉายาว่าจะเป็นแบตเตอรี่ของเอเชีย ด้วยภูมิประเทศ ความสมบูรณ์ในทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแหล่งนํ้าต่างๆ นอกจากแม่น้ำโขงแล้ว ยังมีแม่น้ำภายในประเทศอีกหลายสาย ที่สามารถนำไปสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้าได้



โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สปป
.ลาว          

ทั้งนี้ หากลองค้นข้อมูลจะพบว่า แต่ละบริษัทมีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว จำนวนรวมกันหลายพันเมกะวัตต์ ซึ่งหากดูเป็นรายบริษัทจะพบว่าทาง CKP มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว เป็นพอร์ตหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท โดย CKP มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 คิดเป็นกำลังผลิต 1,900 เมกะวัตต์


ขณะที่ทาง GPSC ก็ได้มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำด้วยเช่นเดียวกันนอกเหนือจากที่มีโรงไฟฟ้าประเภทโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่ง GPSC มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 25% โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 และโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ ส่วนทาง BCPG มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว จำนวน 2 แห่ง ที่จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว ขนาดกำลังผลิตรวมกัน 114 เมกะวัตต์ คือโรงไฟฟ้า Nam San 3A และโครงการ Nam San 3B



ความเห็นจากนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ตั้งแต่ในช่วงกลางไตรมาส 2/64 ฤดูฝนมาเร็วกว่าที่คาด จึงทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับประเทศจีนมีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมากขึ้นเพราะได้รับผลจากปริมาณฝนตกที่มากกว่าปกติหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นเองเมื่อฝนตกที่มากขึ้น และมาเร็วกว่าเดิม จึงทำให้ปริมาณน้ำในระบบมากขึ้นกว่าเดิม ก็จึงส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำ สามารถจำหน่ายไฟฟ้ามากกว่าเดิม ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไตรมาส3/64          


โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีมีปริมาณน้ำเข้าเขื่อนเป็นจำนวนมาก สิ่งที่น่าสนใจในไตรมาส 2/64 คือปริมาณน้ำกับการผลิตไฟฟ้าจะมากกว่าปีก่อนที่ผ่านมาซึ่งแม้ว่าปกติไตรมาส 3/64 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจก็ตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อทาง CKP และ GPSC ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 42.50% และ 25% ตามลำดับ


ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/64 ของ CKP จะออกมาดีมาก จากแรงหนุนหลังจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาที่แม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก และการเกิดพายุโซนร้อนในลาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี โดยCKP ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีสัดส่วน 42.5% จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากยอดขายไฟของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และจะเพิ่มขึ้นหากเทียบกับไตรมาส 1/64 ขณะที่ไตรมาส 3/64 คาดผลประกอบการจะดีต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ฤดูมรสุมซึ่งเป็น High Season จึงเป็น 1 ในหุ้นที่น่าสนใจเพื่อเก็งกำไรจากการเข้าสู่ Earnings Season


ขณะที่ GPSC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่มีแนวโน้มโดดเด่นในไตรมาส2/64  เนื่องจากถือหุ้นในโครงการไซยะบุรีสัดส่วน 25%  ดังนั้น คาดว่ามีโอกาสที่งบไตรมาส 2/64 จะดีกว่าคาดการณ์เดิมของตลาดโดยคาดกำไรปี 64 เติบโตเพิ่ม 12% จากปีก่อนเป็น 9,700 ล้านบาท และเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่ม PTT ในธุรกิจ EV Battery ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER2564 ระดับ 21 เท่า มี Discount เมื่อเทียบกับ GULF และ BGRIM


ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า ทาง CKP มีพอร์ตการลงทุนใหญ่มาจาก 2 เขื่อนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งในด้านของสภาพอาการและปริมาณน้ำค่อนข้างดี ที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการ ซึ่งระดับน้ำในเขื่อนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เพิ่มขึ้น 143% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่โรงไฟฟ้าไซยะบุรีปริมาณน้ำปรับตัวสูงขึ้น 52% จากปีก่อน และในไตรมาส3/64 ปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จงทำให้คาดว่าจะประกาศกำไรไตรมาส 2/64 ที่ 500 ล้านบาท และสิ้นปี คาดจะมีกำไรสุทธิ 2,400 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีโอกาสที่กำไรสุทธิจะเพิ่มไปเป็นระดับ 3,000 ล้านบาท มากกว่าที่คาดการณ์


ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/64ของ CKP จะโดดเด่น และไตรมาส 3/64 เพิ่มมากขึ้น แรงหนุน จีนปล่อยน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำโขงมาก  ปีนีฝนเริ่มตกซุก  และ ล่าสุดพายุโซนร้อน Koguma ได้เคลื่อนเข้าสู่สปป.ลาวตอนบน ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ไซยะบุรี และ น้ำงึม2 จะหนุนน้ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก  คาดกำไรปี 64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ 2,160 ล้านบาท เติบโต 449% เรากลับมาแนะนำ TRADING BUY ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี  Sum of the Part ส่วนลดกระแสเงินสดของโครงการต่างๆ ได้เท่ากับ 6.5 บาท  


ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เริ่มคำแนะนำ Buy ต่อ GPSC ที่ ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 91.50 บาท/หุ้น มองน่าสนใจเพราะ 1) ปัจจัยกดดันจากการปิดซ่อมผ่านไปแล้วใน 1H21F ส่งให้ครึ่งหลังปี 64 ถึงปี 65แนวโน้มกำไรปกติฟื้น 2) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ยังไม่แน่นอนต่ำกว่ากลุ่ม 3) มีโรงไฟฟ้าทยอย COD เพิ่มใน 2023F 4)ฐานธุรกิจไฟฟ้า SPP มั่นคงกว่ากลุ่ม 5) มีธุรกิจ new S-curve อย่างธุรกิจ Battery หนุนในระยะยาว และ 6) มีโอกาสมีupside จากโครงการโรงไฟฟ้าระหว่างเจรจา   


ด้านมุมมองของ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ต่อ BCPG ว่า ผลคาดการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวในไตรมาส 2/64 จะฟื้นตัวจากไตรมาส 1/64 เนื่องจากค่า CF จะเพิ่มขึ้น 40% จากฝนที่เริ่มตกในมิ.ย. แต่ค่า CF ของโซลาร์ฟาร์มในไทยและญี่ปุ่นจะยังคงแข็งแกร่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์จะลดลง เนื่องจากผลของฤดูกาล เราคาดผลการดำเนินงานในภาพรวมจะฟื้นตัว

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Story