ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะลึก 5 กระทรวงสำคัญ ภายใต้ “เพื่อไทย” จะส่งผลดีต่อหุ้นอะไรบ้าง?

โดย ร้อยแปดพันก้าว
เผยแพร่ :
180 views

เจาะลึก 5 กระทรวงสำคัญ ภายใต้ “เพื่อไทย”

จะส่งผลดีต่อหุ้นอะไรบ้าง?

.

มีการประเมินว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่จะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ โดยคาดการณ์กันว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เป็น รมว.กระทรวงคลัง, คมนาคม, ท่องเที่ยวและกีฬา, พาณิชย์, ต่างประเทศ, สาธารณสุข, ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กลาโหม และวัฒนธรรม ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจดูว่า นโยบายของแต่ละกระทรวง ภายใต้พรรคเพื่อไทย จะส่งผลดีต่อหุ้นอย่างไรบ้าง ผ่านการประเมินของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

.

เริ่มที่กระทรวงการคลัง นโยบาย คือ เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กม. ซึ่งประเมินว่า หุ้นที่ได้รับผลบวกคือกลุ่ม Commerce และ Finance ประกอบด้วย Commerce ได้ผลบวกจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้น โดยหุ้นที่ได้รับผลบวก คือ CPALL มีสาขากระจายทั่วประเทศ, CPAXT ได้ผลบวกทั้งทางตรงและทางอ้อม จากร้านค้าปลีก และร้านค้าส่งจากการที่โชห่วยซื้อของมาขายมากขึ้น

.

รวมทั้ง GLOBAL, DOHOME, HMPRO สินค้าเกี่ยวกับการทำเกษตร สินค้าก่อสร้างและกลุ่มตกแต่งซ่อมแซม ตามด้วย CPN, CRC การจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น

.

ขณะที่กลุ่ม Finance มองหุ้นที่ได้รับผลบวก คือ MTC, SAWAD, TIDLOR ลูกหนี้มีเงินใช้จ่ายมากขึ้น และสามารถจ่ายชำระหนี้ได้สูงขึ้น

.

ด้านกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบาย มาตรการฟรีวีซ่า หรือ เอ็กซ์เทนวีซ่า กับประเทศลูกค้าหลักของไทย ได้แก่ จีน อินเดีย รัสเซีย เป็นต้น กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลบวก คือ Tourism ซึ่งหุ้นที่ได้รับผลบวก ประกอบด้วย AAV, AOT, BAFS สายการบินและสนามบินจะมีผู้โดยสารต่างชาติเพิ่มขึ้น

.

รวมทั้งนโยบายดันไทยเป็น “Festival Hub of Asia” หุ้นรับผลบวก คือ MINT, ERW, CENTEL นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น (เทียบปี 62 มีรายได้ 1.08 ล้านล้านบาท, นักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน)

.

อีกทั้งนโยบาย ยกระดับสนามบินให้รองรับนักท่องเที่ยว 120 ล้านคน โดยจะมีการขยายสนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ สุวรรณภูมิ หุ้นรับผลบวก STEC, CK, ITD, NWR, UNIQ การลงทุนก่อสร้างขยายสนามบินเพิ่ม

.

และนโยบายทำไทยเป็น “Wellness Destination” หุ้นรับผลบวก BH, BDMS ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะ high-end patients

.

กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ประเมินหุ้นที่จะได้รับผลบวก คือ BEM, BTS มีความเป็นไปได้ที่รัฐจะมีเงินอุดหนุน ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณจำนวนผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนนโยบายว่าจะอุดหนุนทุกรายหรือเฉพาะกลุ่ม โดยประเมินหากให้เงินอุดหนุนทุกคน จะใช้เงินราว 4-5 พันล้านบาท/ปี (อิงจำนวนผู้โดยสารทั้งระบบ 1 ล้านเที่ยว/วัน และค่าโดยสารเฉลี่ย 30-35 บาท)

.

ตามด้วย นโยบาย เชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ, ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ ประเมินหุ้นได้รับผลบวก คือ STEC, CK, ITD, NWR, UNIQ แนวโน้มการเปิดประมูลโครงการใหม่สูงขึ้น

.

ส่วนนโยบาย เร่งการเชื่อมโยงรถไฟขนส่งสินค้าจากลาวเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังและสนามบินสุวรรณภูมิ ประเมินหุ้นได้รับผลบวก คือ AMATA, WHA เพิ่มศักยภาพระบบ logistic ในไทย และกระตุ้นการลงทุนไทย และ SJWD เพิ่มบริการขนส่งสินค้าให้หลากหลายและครบวงจรมากขึ้น

.

ถัดมา กระทรวงสาธารณสุข คาดมีนโยบาย ส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล สนับสนุนงบโดย สปสช. คาดหุ้นได้รับผลบวก คือ BCH, CHG, BDMS เป็นบวกกับโรงพยาบาลที่รับคนไข้สปสช.

.

ปิดท้ายกันด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยคาดมีนโยบายสนับสนุน CBDC และเดินหน้าพัฒนาร่วมกัน ธปท.เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ประเมินหุ้นที่จะได้รับผลบวก คือ SCB, BAY ช่วยลดต้นทุนในการทำ settlement และ clearing เงินสดในแต่ละวัน รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนเงินเข้าตู้ ATM และตามสาขาของธนาคารพาณิชย์ โดย SCB, BAY เป็นธนาคารที่เข้าร่วม pilot

 

 


ร้อยแปดพันก้าว