ญี่ปุ่นจ่อเผชิญวิกฤตพลังงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญวิกฤตพลังงานอย่างเต็มรูปแบบ หลังได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่ตกต่ำ สงครามในประเทศยูเครน และภัยพิบัติจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 150 ปี ซึ่งทำให้ปริมาณการใช้พลังงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.

.

เจน นากาโนะ นักวิเคราะห์อาวุโสจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติญี่ปุ่นกล่าวว่า จากปัจจัยต่างๆ รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกำลังสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับความมั่นคงด้านพลังงานของญี่ปุ่น เนื่องจากในปัจจุบันญี่ปุ่นต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศมากกว่า 90% ซึ่งราคาพลังงานส่วนใหญ่ถูกกำหนดเป็นสกุลเงินดอลลาร์

.

ทั้งนี้ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมากสุดในรอบ 24 ปี ทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติในเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

.

ในอดีดญี่ปุ่นสามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง โดยใช้พลังงานนิวเคลียร์แต่จากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามีที่เมืองฟูกุชิมะในปี 2011 ได้ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นทั้งหมดต้องปิดตัวลง ทำให้ญี่ปุ่นต้องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนที่ต้องนำเข้าน้ำมันและถ่านหินจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าลดลง

.

ขณะที่ Jibun Bank Japan เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝายจัดซื้อ ภาคบริการประจำเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.6 จุดในเดือนพ.ค. เป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013 ขณะที่ดัชนี PMI แบบรวมภาคการผลิตและการบริการ ในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 53.0 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.3 จุดในเดือนพ.ค. สูงที่สุดในรอบ 7 เดือน

.

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนี PMI เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว แม้เผชิญผลกระทบจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นก็ตาม

 

***********************************