หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงปี ค.ศ 1950 - 1973 เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ เป็นมหาอํานาจทางเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก อัตราการเจริญเติบโตของญี่ปุ่นในช่วงนั้นเฉลี่ยปีละ 10% ต่อเนื่องกันตลอดยี่สิบกว่าปี ประวัติศาสตร์อย่างนี้ยังไม่มีประเทศใหนทําได้ในอดีต
Nikkei เปิดทําการซื้อขายวันแรก เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปี ค.ศ 1949 ด้วยดัชนี 176 จุด แล้วปรับตัวขึ้นไปทํา All Time High ที่ 38,915 จุด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี ค.ศ 1989 แล้วหลังจากนั้น Nikkei ไม่เคยขึ้นไปทํา All Time High ได้อีกเลย โดยปิดเมื่อวานนี้วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี ค.ศ 2017 ที่ 22,510 จุด
Jim Rogers เคยให้ความเห็นไว้ว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่ค่อยดี เพราะหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี ค.ศ 1990 รัฐบาลญี่ปุ่นดําเนินนโยบายผิดพลาด โดยไม่ยอมให้ใครล้ม ส่งผลให้เกิดธนาคาร " ซอมบี้ " และ บริษัท " ซอมบี้ " ซึ่งกลายเป็นสถาบันที่เรียกว่า " ศพเดินได้ " เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงที่สุดในโลกที่ 250% ของ GDP มีประชากรสูงวัยหลังเกษียนจากการทํางานในอัตราที่สูง อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ -0.10% นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังคงนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องอยุ่ โดยปรีมาณการอัดฉีดสภาพคล่องของญี่ปุ่นอยุ่ที่ 80 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี ในปี ค.ศ 2017 คาดว่าจะลดลงเป็น 60 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี ในปี ค.ศ 2018 และ 40 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี ในปี ค.ศ 2019 ตามลําดับ แล้วจึงจะยุติการอัดฉีดสภาพคล่องในปีต่อมา