ห้องเม่าปีกเหล็ก

กันยาอาถรรพ์ จับตา 14 วันอันตราย

โดย บอนไซ
เผยแพร่ :
119 views

กันยาอาถรรพ์ จับตา 14 วันอันตราย เผย 3 อีเวนต์ใหญ่สะเทือนตลาดหุ้นโลก

สวัสดีค่ะทุกคน เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่เรียกได้ว่า "วัดใจ" กันเลยทีเดียว เพราะอีก 14 วันทำการข้างหน้านี้ จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าตลาดหุ้นที่วิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน หรือถึงเวลาต้องสะดุดล้มกันเสียที

วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันค่ะว่า ทำไมช่วงเวลานี้ถึงสำคัญนัก และมีอะไรที่นักลงทุนอย่างเราต้องจับตาดูเป็นพิเศษบ้างค่ะ

 

 

บรรยากาศที่สงบ...จนน่าใจหาย

ก่อนอื่นเรามาดูภาพรวมกันก่อน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่วัดจากดัชนี S&P 500 นั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากค่ะ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ให้ผลตอบแทนไปแล้วถึง 9.8% และถ้าใครใจกล้าเข้าซื้อตั้งแต่จุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ตอนนี้คงยิ้มแก้มปริเพราะตลาดพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 30% แถมยังเพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 6,501.58 จุดไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมานี่เอง

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ตลาดหุ้นกลับอยู่ในภาวะที่ "นิ่ง" อย่างผิดปกติ เรามีศัพท์ทางการเงินที่ใช้วัดความกลัวของนักลงทุนในตลาด เรียกว่า ดัชนี VIX (VIX Index) หรือที่หลายคนเรียกว่า "ดัชนีความกลัว" (Fear Gauge) ค่ะ ถ้าดัชนีนี้มีค่าสูง แปลว่าคนในตลาดกำลังตื่นตระหนก แต่ถ้าค่าต่ำ ก็แปลว่าตลาดกำลังชิลๆ

ซึ่งตอนนี้ VIX อยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยมีเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนที่ค่า VIX ขยับขึ้นไปเหนือระดับ 20 และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ ตลาด S&P 500 ไม่ได้ปรับตัวลงแรงๆ เกิน 2% มานานถึง 91 วันทำการแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2024

ความสงบที่ดูเหมือนจะดีนี้ กลับทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มกังวล เพราะมันสวนทางกับสถิติในอดีต โดยเฉพาะเมื่อกำลังจะเข้าสู่ "เดือนกันยายน" ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนที่ปราบเซียนที่สุดของปี

ซึ่งจากข้อมูลในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยของดัชนี S&P 500 ในเดือนกันยายนมักจะติดลบอยู่ที่ 0.7% เลยทีเดียว

คุณโทมัส ลี (Thomas Lee) นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Fundstrat Global Advisors ที่ปกติแล้วจะมองตลาดในแง่ดีมาตลอด ยังออกมาเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังตัวในเดือนนี้ เขาคาดการณ์ว่าตลาดอาจจะปรับตัวลงราว 5% ถึง 10% ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปทำสถิติใหม่ที่ระดับ 6,800 ถึง 7,000 จุดภายในสิ้นปี

 

14 วันชี้ชะตา: ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา

แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่จะมากำหนดทิศทางตลาดในอีก 14 วันทำการข้างหน้านี้? บอกได้เลยว่าเป็นอีเวนต์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นค่ะ

 

รายงานตัวเลขการจ้างงาน (Jobs Report): จะประกาศในวันศุกร์นี้ ตัวเลขนี้สำคัญมากเพราะมันสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถ้าคนมีงานทำเยอะ ก็แปลว่าเศรษฐกิจยังดี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีประเด็นร้อนแรงเมื่อต้นเดือนสิงหาคม เมื่อมีการปรับลดตัวเลขการจ้างงานของเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนลงไปเกือบ 260,000 ตำแหน่ง จนทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาเลยทีเดียว

 

รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI Report): จะประกาศในวันที่ 11 กันยายน ตัวเลขนี้คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ซึ่งเป็นมาตรวัดสำคัญของภาวะเงินเฟ้อ ถ้าเงินเฟ้อสูงเกินไป ก็อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า เฟด (Fed) ต้องชะลอการลดดอกเบี้ย

 

การประชุมเฟด (Fed's Policy Decision): นี่คือไฮไลต์สำคัญที่สุด! ในวันที่ 17 กันยายนนี้ คณะกรรมการของเฟดจะประชุมกันเพื่อตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ย และจะมีการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคตด้วย โดยตลาดคาดการณ์กันไปแล้วกว่า 90% ว่าเฟดจะ "ลด" ดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการลดดอกเบี้ยถือเป็นข่าวดีของตลาดหุ้นค่ะ แต่คำพูดของคุณเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานเฟด หลังการประชุมต่างหาก ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่แท้จริง

 

ปรากฏการณ์ Triple Witching: เพียงแค่สองวันหลังจากการประชุมเฟด จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Triple Witching" หรือ "วันแม่มดสามตัว" ซึ่งเป็นวันที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และออปชัน (Options) ของหุ้นและดัชนีต่างๆ จะหมดอายุพร้อมกันในวันเดียว วันแบบนี้มักจะทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดสูงขึ้นมาก และอาจเพิ่มความผันผวนให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

 

แพงไปหรือยัง? ปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่

แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและผลประกอบการบริษัทที่ยังเติบโตได้ดี แต่ก็มีปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่ นั่นคือ "ราคาหุ้นที่แพง" ค่ะ

ตอนนี้ดัชนี S&P 500 ซื้อขายกันที่ระดับราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) สูงถึง 22 เท่า ถ้าเราย้อนดูสถิติตั้งแต่ปี 1990 จะพบว่าตลาดเคยแพงกว่านี้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น คือช่วงฟองสบู่ดอทคอม และช่วงที่ตลาดฟื้นตัวอย่างร้อนแรงหลังวิกฤตโควิด-19 ในปี 2020

คุณทัตยานา บูนิช (Tatyana Bunich) ผู้ก่อตั้ง Financial 1 Tax กล่าวว่า "เรายังคงเป็นผู้ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ราคาหุ้นพวกนี้แพงมาก เราจึงถือเงินสดสำรองไว้ส่วนหนึ่ง และกำลังรอให้ตลาดมีการปรับฐานที่เหมาะสมก่อนที่จะเข้าไปซื้อเพิ่ม"

ขณะที่คุณเอ็ด ยาร์เดนี (Ed Yardeni) นักวิเคราะห์อีกท่านหนึ่งที่ปกติมองตลาดในแง่ดี ก็เริ่มตั้งคำถามว่าเฟดอาจจะ "ไม่" ลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ก็ได้ หากตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมานั้นดีเกินคาด ทั้งตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งและตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังสูงอยู่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ตลาดหุ้นอาจจะผิดหวังและเกิดการเทขายในระยะสั้นได้

 

สรุปแล้ว ในช่วง 14 วันทำการข้างหน้านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายบางๆ ระหว่างความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีพอให้บริษัททำกำไรต่อไปได้ แต่ก็ต้องไม่ดีเกินไปจนทำให้เฟดเปลี่ยนใจไม่ลดดอกเบี้ย ทุกข้อมูลและทุกถ้อยแถลงที่กำลังจะออกมามีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะเป็นตัวตัดสินว่าปาร์ตี้ของตลาดหุ้นจะดำเนินต่อไป หรือถึงเวลาที่ต้องปรับฐาน

คำแนะนำส่วนตัวคือ กอดเงินสดที่มีไว้ก่อน ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัวตกรถ และค่อยๆ เติมตอนตลาดย่อค่ะ.....

ไม่ใช่ย่อ 1-2% แล้วเติมนะคะ เอาซัก 5% ก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบขนาดน้าาาน

 

 

ที่มา.  Beauty Investor


บอนไซ