ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตา! งบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

โดย นักเดินทาง
เผยแพร่ :
218 views

จับตา! งบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

ไฮซีซั่นหนุนผลงานไตรมาส 1 ฟื้น !

 

.

ก่อนหน้านี้ Wealthy Thai เคยนำเสนอคาดการณ์ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้นกลุ่มลีสซิ่งไปแล้ว วันนี้จึงเป็นคิวของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งอุตสาหกรรมดาวเด่นและความหวังหลักในการขับเคลื่อนอยู่เศรษฐกิจของประเทศไทย ดังนั้นมาดูว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงไฮซีซั่นของท่องเที่ยวไทย แนวโน้มกำไรของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวทั้งโรงแรมและสนามบินจะฟื้นตัวได้ดีแค่ไหน

.

โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางกำไรไตรมาส 1/66 ของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เบื้องต้นหุ้นที่มีโครงสร้างรายได้จากไทยเป็นหลัก อย่าง AOT, CENTEL และ ERW มองว่าแนวโน้มรายได้มีแรงหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในช่วงไตรมาส 1/66 เบื้องต้นที่ประมาณ 6.5 ล้านคน และ 1,199% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 18% จากไตรมาสก่อนหน้า (ฟื้นตัวสู่ระดับ 60% ของงวดไตรมาส 1/62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด 19) คาดบวกต่อเนื่องถึง Economies of scale ผลักดัน Margin ให้ดีขึ้น ในทางตรงข้าม MINT ที่มีโครงสร้างรายได้ประมาณ 50% มาจาก NH Hotel ในยุโรปคาดจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการเดินทางในยุโรป

.

ทั้งนี้ด้วยหุ้น Reopening (สนามบิน, โรงแรม, ศูนย์การค้า และร้านอาหาร) นับตั้งแต่ไทยมีแผนเปิดประเทศตั้งแต่สิ้นปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่าน SETHOTEL Index ตั้งแต่สิ้นปี 2564 ถึง 7 เม.ย. 66 ปรับตัวเพิ่ม 46% ตรงข้ามกับ SET Index ช่วงเดียวกันที่ติดลบ 4.9% นำโดย CENTEL +78%, ERW +61%, AOT +18% และ MINT +7%

.

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่ม Reopening จึงมองไปที่หุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มากเท่ากลุ่มฯ ประกอบกับงวดเดือน เม.ย. – มิ.ย. 66 ผลการดำเนินงานมีโอกาสทำได้ดีกว่ากลุ่มฯ น่าจะมี Risk to reward น่าสนใจกว่า อย่าง AOT ราคาเป้าหมาย 80 บาท และ MINT ราคาเป้าหมาย 38 บาท

..

สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาสแรกของปี 2566 หรือไตรมาส 2/66 (เดือนม.ค. - มี.ค. 66) ของหุ้น AOT นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภาพรวมผู้โดยสารราว 26.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 195.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 15% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากการเปิดประเทศของจีนตั้งแต่เดือนม.ค. 66 รวมทั้งไฮซีซั่นของท่องเที่ยวไทย คาดผลักดันกำไรปกติในไตรมาส 2/66 (เดือนม.ค. - มี.ค. 66) เติบโตเด่นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ด้วยทิศทางรายได้ที่ขยายตัว ย่อมก่อให้เกิด Economies of scale มากขึ้น โดยคงแนะนำ ซื้อ เพราะ AOT ราคาเป้าหมาย 80 บาท เพราะรับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักของภาคท่องเที่ยวไทย ประกอบกับแนวโน้มกำไรมีโมเมนตัมรายไตรมาส

.

ส่วน CENTEL นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของธุรกิจโรงแรมในเดือนม.ค. 66 เฉลี่ยอยู่ที่ราว 75% เทียบกับ 68% ในไตรมาส 4/65 โดยได้แรงหนุนจากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยตลาดไทย Occupancy Rate อยู่ที่ราว 70% ขณะที่ตลาดมัลดีฟส์อยู่ที่ราว 90% ซึ่งปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานของตลาดมัลดีฟส์กลับมาแข็งแกร่งมาจากนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียที่ฟื้นตัว ด้านธุรกิจร้านอาหารตัวเลขยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนม.ค. 66 เติบโต 8% จากไตรมาส 1/65 ส่งผลให้แนวโน้ม 1/66 คาดว่าผลประกอบจะฟื้นตัวเด่นจากไตรมาส 1/65 จากฐานต่ำที่รายงานขาดทุนปกติและคาดมีโอกาสเติบโตจากไตรมาส 4/65 จากปัจจัยหนุนช่วงไฮซีซั่นของไทยและมัลดีฟส์ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน คงคำแนะนำ เก็งกำไร ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 53.50 บาท

.

ขณะที่ ERW นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาด ERW จะรายกำไรปกติที่ 201 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนปกติ 313 ล้านบาท แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของโรงแรมในไทยและฟิลิปปินส์ เนื่องจากกลุ่มโรงแรมที่มีผลประกอบการโดดเด่นในไตรมาส 1/66 เป็นกลุ่ม Midscale และ Economy แต่ในไตรมาส 4/65 เป็นกลุ่มโรงแรม Luxuary ทำให้คาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะลดลง โดยคงคำแนะนำ เก็งกำไร อิงราคาเหมาะสมสิ้นปี 2566 ที่ 5.40 บาท

.

และสุดท้าย MINT นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของ MINT จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก NH Hotel เข้าสู่โลว์ซีซั่น (ปกติไตรมาส 1 NH Hotel จะมีผลขาดทุน) ก่อนจะเร่งตัวในไตรมาส 2/66 จากอานิสงค์ไฮซีซั่นในยุโรป ดังนั้นจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ตามเดิมที่ 4.8 พันล้านบาท อนุรักษ์นิยมกว่าประมาณการของ Bloomberg Consensus ที่ 5.8 พันล้านบาท สำหรับแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 38 บาท เพราะราคาหุ้นยัง Laggard ทั้ง CENTEL และ ERW อีกทั้งไฮซีซั่นในยุโรปช่วงไตรมาส 2/66 จะทำให้การดำเนินงานเด่นกว่าโรงแรมไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว เพราะเป็นโลว์ซีซั่นของภาคการท่องเที่ยวไทย

 

 


นักเดินทาง