6 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในการลงทุนอสังหาฯ ปี 2565

.
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนอีกรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เพราะการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการใช้ทุนก้อนใหญ่ ดังนั้น ผู้ลงทุนจำเป็นต้องวิเคราะห์ข่าวและเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน เพื่อเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ โดย REIC เปิดเผยถึง 6 ปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนอสังหาฯ ต้องเฝ้าจับตาในปี 2565 ดังนี้
.

ภาวะราคาน้ำมันโลกกระทบโดยตรงต่อราคาขนส่งวัสดุก่อสร้างที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจอสังหาฯ ไทยที่ต้องใช้พลังงานน้ำมัน วัสดุจากหลากหลายแหล่งที่มา ส่งผลถึงดัชนีราคาก่อสร้างบ้าน โครงการต่าง ๆ ต้องผลักให้สูงขึ้น แม้จะสามารถสต๊อกไว้ในคลังได้แต่ก็เป็นวิธีที่ยื้อได้เพียงชั่วคราว
.

เงินเฟ้อ (เงินมีมูลค่าน้อยลง) ส่งผลต่อทุกคนแต่ไม่ได้กระทบเท่ากันทุกคน เพราะต้นทุนของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงเป็นเหตุผลให้ผู้ที่มีรายได้เท่าเดิมหรือน้อยลงสวนทางกับเศรษฐกิจ กลายเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อลดลง ใช้จ่ายเพียงสิ่งจำเป็น กระทบนักลงทุนอสังหาฯ ในเชิงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องปรับตัวและกลยุทธ์กันต่อไป
.

อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยจะกำหนดให้ใช้เพื่อรักษาสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น จะทำให้ต้นทุนในการซื้อและลงทุนอสังหาฯ เพิ่มสูงขึ้น
.

เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลงชั่วคราว - ถาวร ขยับมาอีกขั้นจะมองเห็นปัญหาการตกงาน การถูกลดค่าแรงของลูกจ้าง จึงทำให้การเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาฯ นั้นก็เป็นไปได้ยากมากขึ้นกว่าเดิม
.

รัสเซียและยูเครน เป็นประเทศส่งออกเหล็กอันดับต้น ๆ ของโลก เช่นเดียวกับน้ำมัน ดังนั้น หากสงครามยังคงยืดเยื้อ ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ สูงขึ้น
.

ภาวะเศรษฐกิจที่ดิ่งลง ส่งผลให้ประชาชนขาดรายได้ กำลังซื้อหดหาย หลายธุรกิจปิดกิจการ ซึ่งภาคธุรกิจที่กู้เงินจากสถาบันการเงินมาไม่สามารถส่งเงินชำระหนี้คืนได้ (เกิดหนี้เสีย) ธนาคารจึงเข้มงวดเรื่องการปล่อยกู้ - สินเชื่อมากขึ้น
