ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อ 20 หุ้นได้ประโยชน์ เมื่อศึก “เลือกตั้ง” กำลังจะมาถึง!

โดย DAVINCI
เผยแพร่ :
175 views

เปิดรายชื่อ 20 หุ้นได้ประโยชน์

เมื่อศึก “เลือกตั้ง” กำลังจะมาถึง!

 

.

“การเลือกตั้ง” ถือเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง 2 ฉบับ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2566 ประกอบไปด้วย พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งพรรคการเมือง

.

ทั้งนี้จึงทำให้เริ่มเห็นความหวังของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนด้วยเช่นกัน แต่ตลาดหุ้นไทยจะตอบรับอย่างไร ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการรวบรวมมุมมองนักวิเคราะห์จากหลากหลายสถาบันมาแบ่งปันกันในครั้งนี้

.

โดยบทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า กฎหมายเลือกตั้ง 2 ฉบับได้รับการโปรดเกล้าฯ และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของ กกต.จะประชุมวันนี้ เพื่อออกเกณฑ์แบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต โดยคาดว่าจะใช้เวลา 20 วันก่อนจะให้พรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตอีก 25 วัน ซึ่งจะตรงกับช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ กกต. ประเมินว่าสามารถยุบสภาฯได้ โดยไม่มีความยุ่งยากในการจัดเตรียมการเลือกตั้ง

.

ขณะที่จังหวะเวลาของการเมืองไทย ยังเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ คาดหนุนหุ้นเชื่อมโยงการเมืองให้มีสีสันมากขึ้นเช่น SC, SIRI,PR9, STEC, STPI, TKS, ค้าปลีก, รับเหมา, ไฟแนนซ์, อาหาร และเครื่องดื่ม ขณะที่การไหลเข้าของกระแสเงินต่างชาติจะหนุนเงินบาทแข็งค่าและเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์และโรงไฟฟ้า

.

อย่างไรก็ตามการเมืองไทยกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เมื่อพิจารณาข้อมูลทางสถิติพบว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวได้ดีกว่าภูมิภาคที่สุดในช่วงก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์และหลังเลือกตั้ง 1 เดือน กลุ่มที่มักปรับตัวขึ้นได้ดี คือ ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้างรวมถึงกลุ่มอาหารเครื่องดื่มและไฟแนนซ์ ที่แม้ไม่มีความสัมพันธ์เชิงสถิติ แต่การแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ที่รุนแรง ทำให้คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นตามไปด้วย

.

ด้านบทวิเคราะห์ของบล. โนมูระ พัฒนสิน ให้มุมมองว่า ในกรณีที่มีการยุบสภาปกติดัชนีตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงลบ แต่รอบนี้หลายฝ่ายพร้อมเดินหน้าเลือกตั้ง ตลาดไม่น่าจะตอบรับเชิงลบ โดยจากผลการศึกษาของทีมกลยุทธ์คาดดัชนีจะตอบรับการเลือกตั้งใหญ่ 2566 ดีกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนช่วง 1-3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุด ที่ให้ผลตอบแทนราว 2.1%-2.3%

.

โดยเมื่อประเด็นบวกดังกล่าวบวกกับอัพไซด์การปรับเพิ่มกำไรผลบวกของกรณีจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ขั้นต่ำที่ราว 2% ต่อกำไรตลาด มีโอกาสที่ดัชนีจะเดินหน้าใกล้เคียงเป้าหมายปี 2566 ของฝ่ายวิจัยที่ 1,800 จุด ยังอยู่ในกรอบที่มีความเป็นไปได้ กลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ (ธนาคาร, ไอซีที, อสังหาริมทรัพย์,อาหาร,ค้าปลีก, ไฟแนนซ์และสื่อ) มักให้ผลตอบแทนได้ดีก่อนการเลือกตั้ง

.

สำหรับหุ้นที่มักให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีก่อนการเลือกตั้ง 1-3 เดือน KBANK, SCB, ADVANC, INTUCH, SC, AMATA, SIRI, CPALL,MAKRO, KTC, MINT, BEC โดยให้ผลตอบแทนตั้งแต่ 3.7-19.3% ด้วยโอกาส 60% ขึ้นไป ภายหลังการเลือกตั้งจะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจหลังไทยเตรียมความพร้อมล่วงหน้า

.

โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างต่างๆ ทั้งโครงสร้างภาษีโครงสร้างพื้นฐาน(โครงการขนาดใหญ่ที่มีการอนุมัติในช่วง 7 ปีที่ผ่านมากว่า 85% จะทยอยเปิดในสมัยรัฐบาลชุดถัดไป) โครงสร้างรายได้การออมของประชาชนในปัจจุบัน หนุนภาพเศรษฐกิจไทยเติบโตระยะกลางถึงยาวเด่น

.

ดังนั้นแนะนำหุ้นเด่นในธีม Election ได้แก่ KBANK ราคาเป้าหมาย 160 บาท , SCB ราคาเป้าหมาย 130 บาท,ADVANC ราคาเป้าหมาย 252 บาท, INTUCH ราคาเป้าหมาย 81 บาท, SC ราคาเป้าหมาย 4.9 บาท, AMATA ราคาเป้าหมาย 27 บาท, SIRI ราคาเป้าหมาย 1.9 บาท,CPALL ราคาเป้าหมาย 80 บาท, MAKRO ราคาเป้าหมาย 52 บาท, KTC ราคาเป้าหมาย 75 บาท,MINT ราคาเป้าหมาย 38 บาท และBEC ราคาเป้าหมาย 11.6 บาท

.

ส่วนบทวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส ให้มุมมองว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการลือกตั้ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ 29 มกราคม 2566 ถือเป็นสัญญาณอย่างเป็นทางการของการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่เกิน 7 พฤษภาคม 2566 จากนี้ไปจะเห็นพัฒนาการของข่าวการเมืองที่หนาตามากขึ้น

.

อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่คาดหมายได้อยู่แล้วจึงเชื่อว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะมีปฎิกริยาอะไรต่อข่าวดังกล่าว แต่เมื่อผ่านไปจนถึงจุดที่ใกล้หย่อนบัตรเลือกตั้ง และการได้มาซึ่งรัฐบาลใหม่ ตลาดหุ้นจึงน่าจะถึงจุดที่มีปฎิกริยาต่อข่าวการเมืองที่มากยิ่งขึ้น

.

ส่วนประเด็นในต่างประเทศมีตัวเลข PCE ของสหรัฐประกาศออกมา ส่งสัญญาณของเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนี่อง และมีผลต่อเนื่องไปที่ความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะขึ้นช้าลงและอาจลดลงในระยะต่อไป สะท้อนจากผลตอบแทนตราสารหนี้ 2 สหรัฐซึ่งปัจจุบันลงมาต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ประเมินว่าตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองเชิงบวกต่อทิศทางดอกเบี้ยโลก แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กรอบที่จำกัด

.

สุดท้ายบทวิเคราะห์จากบล.ธนชาต ได้ให้มุมมองว่าพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กฎหมายลูก 2 ฉบับ ถือเป็นการส่งสัญญาณการใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง ขณะที่นักการเมืองเริ่มลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มธีมการบริโภคในประเทศอย่าง BEC ( มี rating รายการข่าวสูงสุด) ,ONEE ,CPALL ,CRC ,CPN และ BEM

 

 

 

 

 

 

 


DAVINCI