ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อ 13 หุ้นเด่น ได้ประโยชน์เต็มๆ เมื่อบาทแข็งค่า

โดย CUT
เผยแพร่ :
367 views

ห้ามพลาด! เปิดรายชื่อ 13 หุ้นเด่น

ได้ประโยชน์เต็มๆ เมื่อบาทแข็งค่า

ลุ้น Fund Flow ไหลเข้าขั้นต่ำ 4 หมื่นล้านบาท

 

.

ค่าเงินบาทได้เริ่มกลับมาแข็งค่าตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน 2565 หลังจากสหรัฐฯ เผยตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนตุลาคม 2565 ที่ขยับขึ้น และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่เริ่มออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็มีหลายคนที่มองว่าปัจจัยส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เงินค่าแข็งบาทนั้น มาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลักด้วยเช่นกัน

.

ทั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เร่งตัวขึ้นในพฤศจิกายน 2565, เงินทุนไหลเข้าในอัตราเร่งช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม 2565 ที่ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท และ 1.3 หมื่นล้านบาท สุดท้ายดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกเป็นบวกในเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2565

.

แต่อีกหนึ่งคำถามที่นักลงทุนจะไม่อดที่พูดถึงก็คือ “ทิศทางและแนวโน้มเงินบาทต่อจากนี้” จะเป็นเช่นไรรวมถึงสามารถใช้โอกาสหรือจังหวะในการลงทุนได้อย่างไร ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการหยิบยกมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งให้แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจ

.

โดยนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่ากลับไปอยู่ในกรอบ 32 - 33 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯในไตรมาส 1/66 จาก 5 ปัจจัยคือ Dollar Index มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยถ้าอิงจาก Fed Watch Tool ล่าสุด ความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สำหรับการประชุมวันที่ 11 ก.พ. 2566 สูงถึง 75.7%

.

ถัดมาเงินสกุลเอเชียมีโอกาสแข็งค่าหลังจีนเปิดการเดินทางอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ 8 ม.ค. 2566 และธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการขยับกรอบ Yield Curve Control ให้กว้างขึ้น ขณะที่เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/65 และเงินปันผล

.

ส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเอื้อต่อการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงมาอยู่ในกรอบ 3.5-4.5% ในไตรมาส 1/66 และมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่ใกล้ถึงกำหนดวันที่ 7 พ.ค.2566 กรณีไม่มียุบสภาฯ และการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบบ่งชี้ว่า เงินบาทมีช่องว่างให้แข็งค่าได้อีกมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคโดยถ้าอิงช่วง Pre COVID เงินบาทยังอ่อนค่าอยู่ราว 12.9% ขณะที่ค่าเฉลี่ยภูมิภาคอ่อนค่าเพียง 5.3%

.

สำหรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ Outperform ภูมิภาคในรอบนี้ มองเป็นกลางต่อเศรษฐกิจและSET INDEX แม้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยจะพึ่งพาการส่งออกราว 60% ของจีดีพี และมาร์เก็ตแคปของหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทโดยตรงจะมีสัดส่วนเพียง 10% ของมาร์เก็ตแคปทั้งตลาด

.

แต่ในช่วงเวลานี้ที่การนำเข้ายังเร่งตัวขึ้นจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในประเทศเงินบาทที่แข็งค่าอาจดีกับเศรษฐกิจไทยและช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในแง่ของการกระตุ้นให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับเงินบาทอ่อนค่า

.

ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนซึ่งเป็นบทสรุปของธีมนี้แบ่งเป็น 4 กรณีคือ คาด Fund Flow จะไหลเข้าในปีนี้อีก 4 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย ,กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก โรงไฟฟ้า สื่อสารแม้จะไม่ได้ประโยชน์โดยตรงแต่เป็นกลุ่มที่รองรับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติได้ดี ,หุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือ BGRIM, GPSC, SCGP, DPAINT, KISS MTW,SABINA, TTCL และกลุ่มส่งออกที่เคย Outperformในปีก่อนเช่นสินค้าเกษตรจะกลับมา Underperform ชั่วคราว

.

ด้านบล.ธนชาต ให้มุมมองเงินบาทจะแข็งค่าแตะ 33.5 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ การท่องเที่ยวไทยที่โดดเด่นในปีนี้ หนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า ล่าสุดแตะระดับ 33.5 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นผล “บวก” ต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ “เก็งกำไร” BGRIM GULF และ “ซื้อ” WHA AMATA , กลุ่มนำเข้า แนะนำ “ซื้อ” COM7 (คาดกำไรไตรมาส 4/65 ทำสถิติใหม่ และได้ประโยชน์จากช้อปดีมีคืน) , SIS (แนะนำ “ซื้อเพิ่ม” วันนี้)

 

 


CUT