ดังนั้นเมื่อฝ่ายโรงพยาบาลพริ้นซ์ มีเครือข่ายตามโรงพยาบาลตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด และมีแผนรุกเปิดโรงพยาบาลตามหัวเมืองอยู่แล้ว แต่ขาดหมอที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน ขณะที่อีกฝ่าย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จุดแข็งทีมแพทย์ทั้งในและต่างประเทศที่มีทั้งความลึกและเฉพาะด้านศักยภาพที่มีสูงมาก สามารถนำหมอมาสนับสนุน และยังส่งต่อผู้ป่วยจากต่างจังหวัดมาในกรุงเทพได้อีกด้วย ทำให้สองฝ่ายวิน-วิน ทั้งคู่ จากที่ผ่านมาทาง BH ต้องการขยายตลาดในต่างจังหวัดอยู่แล้วจากที่มีอยู่แค่ศูนย์เดียวในกรุงเทพ
ปัจจุบันทั้ง 2 กลุ่มมีความร่วมมือด้านการแพทย์ร่วมกันอยู่แล้วจากการเปิดตัวศูนย์มะเร็ง ภาคอีสานและภาคเหนือตอนล่างผ่านโรงพยาบาลพริ้นซ์ ในนามการดูแลจากหมอของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จะมีคลินิก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไปเปิดให้บริการ ทำให้ PRINC เหมือนเป็นแบรนด์ที่สองเมื่อนึกถึง BH ซึ่งจะทำให้เกิดฐานลูกค้าระดับกลาง-ล่าง มากขึ้นจากเดิมที่ทาง BH จะเน้นตลาดคนไข้กลาง-บน
ขณะที่ BH ได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เปรียบได้ว่า BH มี PRINC เป็นน้องเล็ก ส่วน PRINC จะได้พี่ใหญ่อย่าง BH เข้ามาค่อยช่วยเหลือเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน มองว่ายังมีมูลค่าซ่อนอยู่ใน BH อีกเยอะ ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่จริงแล้วๆ ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BH อีกมาก ทั้งธุรกิจชะลอวัย, ศูนย์วิจัย, ศูนย์ฝึกอบรม, ผลิตยา, พนักงานดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น
ยิ่งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ BH ต้องขยายตลาดคนไทยให้กว้างขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากฐานคนไข้ต่างชาติที่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเพราะหากตลาดต่างชาติกลับมาก็จะสามารถเติบโตได้ทั้งสองตลาด ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ BH ผ่านเครือข่ายของ PRINC ซึ่งอาจจะได้เห็นสัดส่วนคนไข้คนไทยของ BH ขึ้นมา 60% ในอนาคตได้
“ส่วนตัวผมเชื่อในเรื่องจับมือร่วมกันเชิงพันธมิตรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพทำให้ธุรกิจแข็งแรงในระยะเวลารวดเร็ว และยกให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นที่ปรึกษาและเป็นพี่ใหญ่ ส่วนเราเป็นน้องเล็กมีอะไรจะปรึกษาพร้อมเป็นแขนขาในการขยายเครือข่ายให้ ซึ่งทาง BH และกลุ่มโสภณพนิช ก็พอใจที่จะมีเครือข่ายโรงพยาบาลในมือมากขึ้นจากที่มีแค่ศูนย์เดียว”
ด้วยที่ผ่านมาทาง BH ก็มองหาโอกาสในการเข้าสู่ตลาดต่างจังหวัดอยู่แล้ว ตรงไหนมีศักยภาพก็พร้อมลงทุน ซึ่งพอดีกับแผนของ PRINC ที่ต้องการขยายโรงพยาบาลปีละ 3 แห่งจากปัจจุบันอยู่ที่ 11 แห่งและจะเพิ่มเป็น 13 แห่งใน ต้นปี 2564 มีจำนวนเตียงประมาณ 1,000 เตียง ทำให้ PRINC คาดจะรับรู้ด้านรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2564
ส่วนคำถามที่มักจะมีคนถามว่าดีลนี้คุ้มค่ากับการลงทุนไหมจากอยากให้มองจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้นร่วมกันในอนาคต เรื่องเงินปันผลที่ได้รับเปรียบเทียบระหว่างดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีสามารถนำเงินปันผลมาจ่ายคืนเงินกู้ได้อีกทาง ยังไม่รวมกับราคาหุ้น BH พุ่งไปแล้ว 123 บาท ขึ้นไป 20 บาท แล้ว สาธิต บอกสั้นๆว่า “เป็นหุ้นที่มีมูลค่าคุ้มค่ากับการลงทุน”
“มูลค่าที่ซื้อหุ้น BH มา 103 บาท แต่เชื่อว่าจะสร้าง Value ให้กับบำรุงราษฎร์ได้ สร้าง Synergy ร่วมกันได้ น่าจะทำให้บำรุงราษฎร์ไปได้ดี อย่างวันนี้หลังเข้าไปลงทุน ราคาหุ้น BH เพิ่มขึ้นก็มั่นใจว่าคุ้มค่าแม้จะต้องรีบหาเงินคืนแบงก์ภายใน 3 ปี แต่สิ่งที่ได้มาคือ Value ของหุ้น BH ซึ่งคิดว่าเป็นหุ้นที่มีคุณค่าสำหรับเรา”
ด้วยที่ผ่านมาทาง BH ก็มองหาโอกาสในการเข้าสู่ตลาดต่างจังหวัดอยู่แล้ว ตรงไหนมีศักยภาพก็พร้อมลงทุน ซึ่งพอดีกับแผนของ PRINC ที่ต้องการขยายโรงพยาบาลปีละ 3 แห่งจากปัจจุบันอยู่ที่ 11 แห่งและจะเพิ่มเป็น 13 แห่งใน ต้นปี 2564 มีจำนวนเตียงประมาณ 1,000 เตียง ทำให้ PRINC คาดจะรับรู้ด้านรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2564
ส่วนคำถามที่มักจะมีคนถามว่าดีลนี้คุ้มค่ากับการลงทุนไหมจากอยากให้มองจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้นร่วมกันในอนาคต เรื่องเงินปันผลที่ได้รับเปรียบเทียบระหว่างดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีสามารถนำเงินปันผลมาจ่ายคืนเงินกู้ได้อีกทาง ยังไม่รวมกับราคาหุ้น BH พุ่งไปแล้ว 123 บาท ขึ้นไป 20 บาท แล้ว สาธิต บอกสั้นๆว่า “เป็นหุ้นที่มีมูลค่าคุ้มค่ากับการลงทุน”
“มูลค่าที่ซื้อหุ้น BH มา 103 บาท แต่เชื่อว่าจะสร้าง Value ให้กับบำรุงราษฎร์ได้ สร้าง Synergy ร่วมกันได้ น่าจะทำให้บำรุงราษฎร์ไปได้ดี อย่างวันนี้หลังเข้าไปลงทุน ราคาหุ้น BH เพิ่มขึ้นก็มั่นใจว่าคุ้มค่าแม้จะต้องรีบหาเงินคืนแบงก์ภายใน 3 ปี แต่สิ่งที่ได้มาคือ Value ของหุ้น BH ซึ่งคิดว่าเป็นหุ้นที่มีคุณค่าสำหรับเรา”
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก
