นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก “พรรคก้าวไกล”
เป็นโอกาสของหุ้น “อสังหาริมทรัพย์”

.
นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ จะมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนฐานรากในระยะกลาง-ระยะยาวได้ ส่วนประเด็นค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกถกเถียงกันนั้น ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และตัวแทนภาครัฐและเอกชนอีกหลายฝ่าย แต่คาดจะต้องใช้เวลาและปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป
.
สะท้อนจากนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า จากนโยบายด้านเศรษฐกิจของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ เช่น นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน นโยบายการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SMEs เป็นต้น จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนฐานรากที่มากขึ้นในระยะกลาง-ระยะยาว
.
อีกทั้ง โดยปกติการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะสอดคล้องกับการเติบโต GDP ของประเทศ หากประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้นก็จะหนุนให้มีการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างอย่างยิ่งสินค้าในระดับราคาถูก 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ประชากรผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างสูง เนื่องจากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
.
ทั้งนี้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีโอกาสจะได้จัดตั้งรัฐบาล ถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นจับลูกค้าตลาดกลางถึงล่าง อย่างไรก็ดีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น ทาง Candidate นายกฯ ยังแบ่งรับแบ่งสู้ คือ ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และตัวแทนภาครัฐและเอกชนอีกหลายฝ่าย
.
ดังนั้นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คาดจะต้องใช้เวลาและปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เชื่อว่าจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือประชาชนระดับฐานราก ให้มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลางและระดับล่างได้มากขึ้น ถือเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจก่อนหน้านี้
ขณะที่มองว่า หุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ที่มีทิศทางฟื้นตัวตามนโยบายของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่แบบ V Shape มีด้วยกัน 2 บริษัท คือ AP ซึ่งผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/65 และเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 1/66 และมองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้าอย่างโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะสร้างสถิติกำไรนิวไฮต่อเนื่องในปีนี้ได้ จึงเลือก AP ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท เป็น Top pick กลุ่ม
.
รองลงมา คือ SPALI ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลูกค้าระดับกลางถึงล่าง โดยกำไรไตรมาส 1/66 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน แต่ด้วยสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งใน กทม. และ ตจว. อีกทั้งระดับราคายังสามารถเข้าถึงได้ง่าย
รวมถึงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 8,810 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 และคาดจะได้รับผลบวกจากนโยบายสนับสนุนฐานรากของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่มากสุด จึงมองว่ากำไรผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 ไปแล้ว และจะฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับทุกไตรมาส
.
ขณะที่ในอีกมุมมองของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันหยุดยาวกดดันการเปิดตัวโครงการในเม.ย. แต่แนวโน้ม พ.ค. จะดีขึ้น โดย AREA รายงานการเปิดตัวโครงการใหม่สำหรับ เม.ย. ที่ 3,967 หน่วย ลดลง 56%จากเดือนก่อน จากทุกหมวดหมู่
.
โดยบ้านเดี่ยวลดลง 59%จากเดือนก่อน (แต่ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการ hyde park garden ของ developers koon ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 35 ล้านถึง 80 ล้านบาท) ส่วนทาวน์โฮมลดลง 64%จากเดือนก่อน และคอนโดลดลง 46% จากเดือนก่อน
.
สำหรับยอดจองซื้อ (Take-up rate) ออกมาที่ 13% ลดลงจากเดือนมีนาคมที่ 27% เนื่องจากในเดือน เม.ย. ยอดจองซื้อคอนโดระดับ low-end มีสัดส่วนลดลงอย่างมาก
.
ขณะที่แนวโน้มเดือน พ.ค. คาดว่าการเปิดตัวโครงการจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และยอดจองซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน เช่นกัน โดยบริษัทอสังหาฯ ที่ให้คำแนะนำอยู่ มีแผนจะมีการเปิดตัวที่สูงขึ้นในเดือน พ.ค.-มิ.ย. ซึ่งปัจจุบันชอบ SIRI, SC ในฐานะผู้นำระดับไฮเอนด์ที่มีสัดส่วนบ้านที่มีกำไรสูง และ AP จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 2/66 นี้