ตัวเลขนักลงทุนในตลาดหุ้นล่าสุด มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1.3 ล้าน คน ทุกคนล้วนมีเป้าหมายแสวงหาความร่ารวยจากการลงทุน แต่ส่วนใหญ่มักกลายเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ และต้องนำเงินออมที่สะสมไว้มาทิ้งในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นสามารถเนรมิตความร่ารวยได้จริง แต่สิทธิการกอบโกยความมั่งคั่ง จำกัดเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น
เรื่องราวของมหาเศรษฐีในตลาดหุ้นมีอยู่มาก จากบุคคลหลากหลายกลุ่มอาชีพ บางคนเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานเทรดเดอร์ประจำบริษัท โบรกเกอร์ หรือคนเคาะซื้อขายหุ้นอยู่หน้ากระดาน เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่สามารถตักตวงความร่ารวยได้หลายพันล้านบาท
บางคนมีอาชีพเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ทำหน้าที่แต่งตัวบริษัทใหม่เข้าตลาดหุ้น หรือฟื้นฟูบริษัทเน่าให้กลับเข้ามาซื้อขายใหม่ และสามารถกอบโกยเงินได้นับพันล้านบาท
บางคนเริ่มต้นจากนักลงทุนธรรมดา มีวงเงินลงทุนเพียงไม่กี่แสน แต่ไม่กี่ปี ยกระดับเป็นเสี่ยหุ้นชื่อดัง มีเงินหลายพันล้านบาท
บางคนเป็นเจ้าของกิจการที่ร่อแร่ แต่หลังจากปั้นบริษัทจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ เพียงชั่วพริบตา ยกระดับเป็นเจ้าสัวใหญ่
ไม่ค่อยมีการตั้งคำถามกันสักเท่าใด เบื้องหลังของความร่ารวยของคนเหล่านี้ มีความเป็นมาอย่างไร ประกอบอาชญากรรมในตลาดหุ้นหรือไม่
และไม่ค่อยมีคนตั้งคำถามว่า คนที่รวยจากตลาดหุ้น รวยเพราะ “ เก่ง“ หรือ รวยเพราะ“ โกง“ กันแน่
ถ้ารวยเพราะ “ โกง “ ทำไมสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ( กลต. ) และตลาดหลักทรัพย์จึงปล่อยให้โกง
พฤติกรรมความผิดในตลาดหลักทรัพย์ เกิดขึ้นต่อเนื่องและยาวนานตลอดกว่า 40 ปีของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พฤติกรรมความผิดต่างๆ ในตลาดหุ้น นักลงทุนทั่วไปมักจะรู้ แต่ ก.ล.ต และตลาดหลักทรัพย์กลับไม่รู้
การปั้นบริษัทเน่าๆเข้ามาสูบเงินจากตลาดหุ้น การใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น ( อินไซเดอร์เทรดดิ้ง )การปั่นหุ้น หรือ แม้แต่การปล้นรูปแบบใหม่โดยการเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน และผ่องถ่ายเงินออก นักลงทุนรู้ดีว่า ใครทำอะไร แก๊งมิจฉาชีพกลุ่มไหนอยู่เบื้องหลังความผิดปกติหุ้นตัวใด
แต่ผู้บริหาร ก.ล.ต. และผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์กลับทำไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพลอยนวล โดยใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งต้มตุ๋น สร้างความเสียหายให้นักลงทุนมากว่า 40 ปี
วงจรอุบาทว์ตลาดหุ้นไม่เคยดับสูญ เพราะกลุ่มมิจฉาชีพไม่เคยถูกปราบปรามอย่างจริงจัง
ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์พยายามสร้างตลาดหุ้นให้เป็นโลกในจินตนาการที่สวยสดงดงาม แต่ไม่เคยผลักดันนโยบายรณรงค์ให้นักลงทุนระวังอันตรายจากการลงทุน ไม่พยายามตีแผ่พฤติกรรมเลวร้ายในตลาดหุ้น ไม่ส่งสัญญาณเตือนภัยกลุ่มมิจฉาชีพที่พร้อมลงมือปล้นนักลงทุนในทุกรูปแบบ
นักลงทุนจะต้องรับผิดชอบดูแลตัวเอง จะถูกเอารัดเอาเปรียบ จะถูกปล้น ถูกโกง ถูกแก๊ง “ ตกหุ้น “ สร้างภาพลวงตาต้มตุ๋นจนหมดเนื้อหมดตัว แต่ไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือใดๆจาก ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ได้
ปัจจุบัน แก๊งมิจฉาชีพ ได้พัฒนาการปล้นรูปแบบใหม่แล้ว มีสูตรสำเร็จของการปล้น ในรูปแบบเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน และผ่องถ่ายเงินออก
นักลงทุนคงมีคำถาม ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ รู้ถึงการปล้นรูปแบบใหม่ รู้หรือเปล่าว่าถ้าปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพกลุ่มต่างๆสูบเงินต่อไป อีกนานตลาดหุ้นจะแห้งเหี่ยวตาย
เพราะนักลงทุนรายย่อยหมดตัว แก๊งมิจฉาชีพสูบเงินออกจนเกลี้ยงจนหมดตัว ทิ้งให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยกำใบหุ้นบริษัทจดทะเบียนเน่าๆไว้
ถ้า ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ทำลายวงจรอุบาทว์ไม่ได้และปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพปล้นตลาดหุ้นลอยนวล สังคมคงต้องตั้งคำถามแล้วว่า จะมี ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไว้ทำไม?
มีไว้ให้นั่งดูแก๊งมิจฉาชีพปล้นเงินจากตลาดหุ้นตาปริบๆหรือ?
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 6 เมษายน ปี พ.ศ 2560
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com