"เงินเฟ้อยูโรโซน" พุ่งแตะ 10.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตอกย้ำวิกฤตค่าครองชีพ-เพิ่มแรงกดดัน ECB
สำนักข่าว CNBC รายงานเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ว่า อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 10% ในเดือนตุลาคม สะท้อนถึงความรุนแรงของวิกฤตค่าครองชีพในภูมิภาคนี้ และเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางยุโรปมากขึ้น
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของยุโรปแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 10.7% ต่อปีเมื่อเดือนที่แล้ว นับเป็นรายเดือนสูงสุดตั้งแต่การก่อตัวของยูโรโซน โดยกลุ่มสมาชิก 19 ประเทศต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยเฉพาะด้านพลังงานและอาหารในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่การเพิ่มขึ้นนี้ตอกย้ำถึงปัจจัยลบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ขณะที่ในอิตาลี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ 12.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ด้านเยอรมนี อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเป็น 11.6% และในฝรั่งเศสมีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 7.1% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงมาตรการของรัฐบาล เช่นเดียวกับระดับการพึ่งพาที่ประเทศต่างๆ มีอยู่หรือเคยมีเกี่ยวกับรัสเซีย
โดยธนาคารกลางยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ในวันพฤหัสบดียืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อพยายามลดอัตราเงินเฟ้อลง ในแถลงการณ์ระบุว่า มีความคืบหน้าอย่างมากในการทำให้อัตราเงินเฟ้อเป็นปกติในภูมิภาค แต่คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนสู่เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อระยะกลางที่ 2% ในเวลาที่เหมาะสม
ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่าแนวโน้มที่เศรษฐกิจยูโรจะถดถอยจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
จนถึงตอนนี้ กลุ่มสมาชิก 19 คนได้หลบเลี่ยงภาวะถดถอย แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจนั้นชัดเจน นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า GDP จะหดตัวในช่วงไตรมาสปัจจุบัน
ขณะที่เงินยูโรมีการซื้อขายต่ำกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาซื้อขายต้นของยุโรปในวันจันทร์ และก่อนการเผยแพร่ข้อมูลใหม่ ค่าเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเป็นสิ่งที่ ECB กังวลว่าสิ่งนี้จะผลักดันเงินเฟ้อในยูโรโซนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
อ้างอิง : https://www.cnbc.com/2022/10/31/euro-zone-inflation-hits-10point7percent-in-october-.html