ห้องเม่าปีกเหล็ก

“กัลกุล” กำเงิน ลุยเก็บหุ้น GUNKUL

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
67 views

“กัลกุล” กำเงิน 234 ล้านบาท ลุยเก็บหุ้น GUNKUL บล.เอเซีย พลัส มองโรงไฟฟ้า - กัญชาช่วยสร้างการเติบโต

คุณกัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์  ประธานกรรมการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เดินหน้าเข้าซื้อหุ้นจำนวน 4 ครั้ง ในเดือน มิ.ย. จำนวน  42 .7 ล้านหุ้น  มูลค่า 234,823,000  บาท


โดยมีรายละเอียดดังนี้

ครั้งที่ 1 วันที่ 15 มิ.ย.   เข้าซื้อหุ้น  12.70 ล้านหุ้น  ที่ราคา 5.49 บาท  มูลค่ารวม 69,723,000 บาท

ครั้งที่ 2 วันที่ 16 มิ.ย.   เข้าซื้อหุ้น  15 ล้านหุ้น  ที่ราคา 5.45 บาท  มูลค่ารวม 82,350,000 บาท

ครั้งที่ 3 วันที่ 24  มิ.ย.   เข้าซื้อหุ้น 10 ล้านหุ้น  ที่ราคา 5.50  บาท  มูลค่า 55,000,000  บาท

ครั้งที่  4 วันที่ 27 มิ.ย.   เข้าซื้อหุ้น 5 ล้านหุ้น  ที่ราคา 5.55 บาท  มูลค่ารวม  27,750,000 บาท


บล.เอเซีย พลัส ประเมิน หุ้น GUNKUL โดยให้คำแนะนำ switch มูลค่าพื้นฐาน 5.6 บาท เหตุผลสำคัญมาจาก จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การจับมือทางธุรกิจร่วมกับ GULF โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้า solar + ลม ในการร่วมทุน JV ที่ 1 พันเมกะวัตต์ ภายในปี 2569 ซึ่งปัจจุบันอยู่ยังในช่วงพัฒนาและรอเซ็นต์สัญญา PPA ในส่วนของธุรกิจกัญชง มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน แต่จะมุ่งเน้นไปยังการผลิตเพื่อขายช่อดอกมากขึ้น จากช่วงก่อนหน้าที่เน้นเพื่อขายสารสกัด CBD


เบื้องต้นยังคงประมาณการและมูลค่าพื้นฐานปี 65 ไว้ที่ 5.6 บาท/หุ้น โดยยังไม่รวม upside ส่วนเพิ่มจากการ JV รวมกับ GULF อีกราว 1-2 บาท/หุ้น ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งฝ่ายวิจัยพร้อมที่จะทบทวน และปรับเพิ่มประมาณการและมูลค่าพื้นฐานใหม่อีกครั้ง หากมีรายละเอียดสัญญา PPA ที่ชัดเจนหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนประเด็นบวกต่างๆไประดับหนึ่งจนเกินมูลค่าพื้นฐานปัจจุบันไปแล้ว ช่วงสั้นจึงแนะนำ switch



ยังมี 
UPSIDE ส่วนเพิ่มอีก ราว 1-2 บาท จากการ JV ร่วมกับ GULF

จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารเผยรายละเอียดการร่วมทุน (Joint Venture) กับ GULF เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตที่ 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปีข้างหน้า (คิดเป็นสัดส่วนกำลังการผลิตตามที่ GUNKUL ถือหุ้น 50% ที่ 500 MWe) โดยมุ่งเน้นร่วมพัฒนาในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมราว 500 เมกะวัตต์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และ solar อีกราว 500เมกะวัตต์ ซึ่งจะเน้นไปยัง solar rooftop ในประเทศไทย รวมทั้งร่วมศึกษาธุรกิจด้านนวัตกรรมพลังงานต่างๆในอนาคต


การร่วมทุนดังกล่าวจะอาศัยจุดแข็งของ GULF ที่มีเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง และอาศัยความชำนาญทั้งในด้านการออกแบบและการก่อสร้างของ GUNKUL จึงเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยการคว้าโอกาสทางธุรกิจได้ง่าย และรวดเร็วในอนาคต นอกจากนี้ยังถือเป็นการช่วยให้ GUNKUL สามารถบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 1,000 MWe จากปัจจุบันที่มีอยู่ 649 MWe ซึ่งเป็นโครงการที่ COD แล้วทั้งหมด อีกทั้งยังถือเป็นการช่วยเสริมสร้างด้าน partnership ให้แข็งแกร่ง และช่วยต่อยอดในธุรกิจการขายสินค้าและบริการของทาง GUNKUL อีกด้วย


สำหรับรายละเอียดของโครงการโรงไฟฟ้า solar แต่ละโครงการคาดจะใช้เวลาในการก่อสร้างและขอใบอนุญาต PPA ราว 6 เดือน โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้  จะเป็นช่วงเริ่มเตรียมการดังกล่าว และคาดจะเริ่ม COD โครงการแรกได้ในช่วงต้นปี 2566 โดยคาดจะทยอย COD ภายในปี 2566-67 ราว 100 เมกะวัตต์ และทยอยไปจนครบ 500 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี และในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานลม คาดจะใช้เวลาในการพัฒนาและขอใบอนุญาตในแต่ละโครงการราว 1 ปีซึ่งคาดจะเริ่ม COD ในปี 2567-69 ราว 170-200, 180, และ 150 เมกะวัตต์ ตามลำดับ


ทั้งนี้ ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่า หาก GUNKUL สามารถลงทุนได้ตามแผน 500 MWe ได้ภายใน 5 ปีจะช่วงสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจขายไฟฟ้าได้อีกราว 1-2 บาทต่อหุ้น โดยฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐาน CAPEX/MW ของโรงไฟฟ้า solar และลมที่ 30 และ 70 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยทั่วไปของต้นทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงงาน solar และลมในประเทศไทย โดยกำหนดสัดส่วน D/E แต่ละโครงการที่ 70/30 อัตราดอกเบี้ยที่ 3.3% อายุสัญญา PPA 25 ปีทุกโครงการ ซึ่งคาดจะช่วยสร้างรายได้สำหรับโรงไฟฟ้า solar และลม ที่ 4 และ 9 ล้านบาท/เมกะวัตต์ ตามลำดับ และคาดจะช่วยให้GUNKUL รับรู้กำไรเข้ามาในส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (Equity method) ราว 300-400 ล้านบาท สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า solar และราว 700-800 ล้านบาท สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม


อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็น upside ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ ซึ่งยังต้องรอรายละเอียดการเซ็นสัญญา PPA ในแต่ละโครงการต่อไป แต่หากสำเร็จจะถือเป็น upside กับมูลค่าพื้นฐานในปัจจุบัน


นอกจากนี้คาดยังได้รับประโยชน์จากการเข้าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง (EPC) ในโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งคาดจะช่วยสร้างรายได้ส่วนเพิ่มจากงาน EPC สำหรับโครงการ solar ได้ราว 25-40 ล้านบาท/เมกะวัตต์ และโครงการลมราว 25-30 ล้านบาท/เมกะวัตต์



ธุรกิจกัญชง ปรับเป้าหมายไปยังการขายช่อดอกมากยิ่งขึ้น

สำหรับธุรกิจกัญชง ยังถือว่าดำเนินไปตามแผน ซึ่งปัจจุบัน GUNKUL ได้รับใบอนุญาตเพาะปลูก นำเข้า และจำหน่ายครบถ้วนแล้ว รวมถึงได้เริ่มต้นเก็บเกี่ยวผลผลิตแรก ไปในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และมีการจำหน่ายช่อดอกบางส่วนให้แก่องค์การเภสัชกรรม โดยส่วนที่เหลือจะนำมาเตรียมสกัดเป็นสารสกัด CBD บริสุทธิ์ ต่อไป


อย่างไรก็ตามผู้บริหารเผยแผนธุรกิจกัญชงที่จะเน้นไปยังการปลูกเพื่อขายช่อดอกมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ตั้งนำมาผลิตเป็นสารสกัด CBD บริสุทธิ์ 99% ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนด้านกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อช่อดอกจากทาง GUNKUL ซึ่งราคาขายคาดจะอยู่ที่ราว 1.5-4.5 หมื่นบาท/กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขายให้แก่กลุ่มลูกค้าเอกชน หรือองค์กรเภสัชกรรม รวมถึงในอนาคตมีแผนขอใบอนุญาตส่งออก เพื่อจำหน่ายไปยังกลุ่มลูกค้าต่างประเทศต่อไป


เบื้องต้นสำหรับปี 2565 ผู้บริหารให้ guideline ว่าคาดจะเก็บเกี่ยวช่อดอกกัญชงได้ราว 2-3 หมื่นกิโลกรัม ซึ่งในอนาคตหากมีการปลูกเต็มพื้นที่คาดจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ราว 7 หมื่นกิโลกรัมต่อปี ส่วนจะนำไปขายเป็นช่อดอก หรือนำไปสกัดเป็นสาร CBD ขึ้นอยู่ความต้องการของตลาดซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจน จึงทำให้ในเบื้อต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการในธุรกิจกัญชงไว้เช่นเดิม

 


น้ำพริกปลาทู