ห้องเม่าปีกเหล็ก

คลังทุ่ม1.14แสนล้านอุ้มเอสเอ็มอี

โดย poomai
เผยแพร่ :
63 views

คลังทุ่ม1.14แสนล้านอุ้มเอสเอ็มอี

คลังเตรียมวงเงิน 1.14 แสน ล้านบาท ดูแล SMEs เพิ่มเติมโดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มทั่วไป กลุ่มท่องเที่ยว และ กลุ่มรายย่อยและประชาชน

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้ขยายตัวเป็นวงกว้างและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) รวมไปถึงประชาชนทั้งผู้ประกอบอาชีพอิสระและผู้มีรายได้ประจำ ขาดรายได้ ขาดสภาพคล่อง มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเลิกจ้างและปิดกิจการ

แม้ว่ารัฐบาลได้มีมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัส COVID-19 ออกมาเพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน​ ดังนั้น​ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เรื่องการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี
และเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาข้อติดขัดในการดำเนินโครงการเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีสภาพคล่อง สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอใน 3 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่ม SMEs ทั่วไป 2.กลุ่ม SMEs ท่องเที่ยว และ 3. กลุ่ม SMEs รายย่อยและประชาชน วงเงินสินเชื่อและวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 114,100 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.กลุ่ม SMEs ทั่วไป จะมีสินเชื่อ Soft loan ธนาคารออมสิน วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน
ให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินในอัตรา​ 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อต่อให้ผู้ประกอบการ SMEs
วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปีเป็นระยะเวลา 2 ปี​ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป
วงเงิน 10,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง วงเงิน 10,000 ล้านบาท
โดยธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs โดยตรงจำนวน 3,000 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน​ ยังมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft loan พลัส วงเงิน 57,000 ล้านบาท โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณสมบัติตามพระราชกำหนด​ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก. Soft Loan) แต่ยังไม่ได้รับสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft loan คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี โดย บสย. จะเริ่มค้ำประกันและเก็บค่าธรรมเนียมในต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ผู้ประกอบการ SMEs แต่ละรายได้รับสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan

นอกจากนี้​ ยังมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 8 วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป วงเงินไม่เกิน 20 ล้านต่อรายรวมทุกสถาบันการเงิน ในอัตราค่าธรรมเนียม1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ าประกัน 10 ปี

สำหรับกลุ่ม SMEs ท่องเที่ยว
จะมีสินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อ
สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย
3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

ขณะเดียวกัน​ ยังมีสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 9,600 ล้านบาท โดยธนาคารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี

ส่วนกลุ่ม SMEs รายย่อยและประชาชน จะมีสินเชื่อเสริมพลังฐานรากวงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อสำหรับ
ผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดา ผู้มีรายได้ประจำ​ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และบุคคลในครอบครัว วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0.35%ต่อเดือน ระยะเวลากู้3 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน

ขณะเดียวกัน​ ยังมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro Entrepreneur ระยะที่ 3วงเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท
โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1 -2% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปีขยายเวลารับคำขอค้ำประกันถึง 30 ธันวาคม 2563

กระทรวงการคลังมั่นใจว่ามาตรการดูแล SMEs เพิ่มเติม จะท าให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นไปอย่างทั่วถึงและเพียงพอและจะเป็นหนึ่งในกลไก​ ที่สำคัญในการช่วยเหลือและเยียวยาภาคธุรกิจและภาคประชาชนให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai