
IMF คาด เศรษฐกิจโลกปี 2017 จะขยายตัว 3.5% ส่วนปี 2018 โต 3.6% สูงกว่าเล็กน้อยจากที่ประมาณไว้คเมื่อต.ค. จากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคของประเทศผู้ส่งออกสินค้าคอมมูดิตี้ที่ปรับตัวดีขึ้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดในวันอังคารว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.5% ในปี 2017 และโต 3.6% ในปี 2018 ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อยจากที่ได้ประมาณไว้ครั้งก่อนเมื่อเดือน ต.ค.
เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคสำหรับประเทศผู้ส่งออกสินค้าคอมโมดิตี้ที่ปรับตัวดีขึ้น และการลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วมีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าเศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อการขยายตัวจากปัญหาโครงสร้างที่จะชะลอการพัฒนาของเศรษฐกิจ
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของ IMF ที่เผยแพร่ในวันอังคาร กล่าวว่าปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง เช่นอัตราผลผลิตที่ต่ำ และความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่มีสูง ได้กดดันให้ประเทศที่พัฒนาแล้วหันมาใช้นโยบายที่เน้นเฉพาะภายในประเทศของตนมากขึ้น
รายงานกล่าวต่อไปว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือในการปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของโลกให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่และประเทศที่กำลังพัฒนา
IMF ปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐให้สูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการคลังของสหรัฐ และเตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดจากการใช้นโยบายกีดกันทางการค้า โดยคาดว่า GDP สหรัฐปีนี้จะโต 2.3% เทียบกับปี 2016 ที่ 1.6%
รายงานระบุว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่จะกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เช่นนโยบายที่เน้นแต่สภาพปัญหาภายในประเทศ โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงเพราะการค้าและการลงทุนในต่างประเทศที่จะลดลง
IMF กล่าวต่อไปว่าถ้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ก็จะแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะกระทบประเทศเกิดใหม่ที่จะมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นเพราะประเทศเหล่านี้กู้ยืมในรูปของดอลลาร์
นอกจากนี้ IMF ยังแสดงความกังวลเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะผ่อนคลายกฎข้อบังคับที่กำกับธนาคารและสถาบันการเงิน เพราะเขาเชื่อว่ากฎระเบียบในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
ขณะเดียวกัน IMF คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวดีขึ้น แต่เตือนว่าจีนได้อาศัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการเพิ่มการปล่อยสินเชื่อมากเกินไป
ที่มา : Money channel