ห้องเม่าปีกเหล็ก

แนวโน้มที่ชัดเจนของโลกและประเทศไทยในอีก 2 -3 ปี ข้างหน้า

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
95 views

1) แนวโน้มที่ชัดเจนของโลกในอีก 2 - 3 ปีข้างหน้ามีดังนี้ คือ :

1.1) สงครามการเงินโลก : เกิดจากการที่สหรัฐอเมริกามีนโยบายในการปรับ Fed Fund Rate อย่างชัดเจนปีละประมาณ  3 ครั้ง จนกระทั่ง Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.00% ในช่วงปลายปี พ.ศ 2563 ผลของสงครามการเงินโลกนั้นจะทําให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ในขณะเดียวกันกับค่าเงินหยวนของจีนมีทิศทางอ่อนค่าลง ส่วนตลาดหุ้นโดยรวมน่าจะอยู่ในสภาวะตลาดกระทิงอย่างต่อเนื่อง

1.2) สงครามการค้าโลก :  เกิดจากการที่สหรัฐอเมริกามีนโยบายในการกีดกันการค้า โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปีที่แล้วคือปี พ.ศ 2560 สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เป็นจํานวนมากถึง 375,000 ล้านล้าน USD และ สหรัฐอเมริกาพยายามลดการขาดดุลการค้ากับจีนให้เหลือเพียง 150,000 ล้าน USD ในปี พ.ศ 2563 

1.3) เป้าหมายของ สงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก ในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้านั้น คือ สหรัฐอเมริกาต้องการคงความเป็นมหาอํานาจอันดับ 1 ของโลกต่อไปในอนาคตโดยไม่ให้จีนขึ้นมาแซงหน้าโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามนโยบาย " America Great Again " ของประธานาธิบดี Donald Trump และ  ผู้โพสต์คาดว่าหุ้นที่จะได้รับผลกระทบในเชิงลบและปรับตัวลดลง หรือ อย่างน้อยก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้น้อยกว่าตลาดหุ้นโดยรวมในอนาคต คือหุ้นตัวใหญ่เช่น PTT, AOT, PTTEP, SCC และ  PTTGC เป็นต้น

2) แนวโน้มที่ชัดเจนของประเทศไทยในอีก 2 - 3 ปีข้างหน้า :

2.1) โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของประเทศไทย : เกิดจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทยที่จะมีความชัดเจนเมื่อรัฐบาลไทยประกาศวันเลือกตั้งที่แน่นอนแล้ว จนกระทั่งถึงปลายปี พ.ศ 2563 ผู้โพสต์คาดว่าหุ้นที่จะได้รับอานิสงค์ในเชิงบวกและน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีคือหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเช่น CK, STEC, ITD, UNIQ, NWR  และ ITD-W1 เป็นต้น

2.2) สาเหตุที่ประเทศไทยต้องเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท เพราะถ้าไม่ทํา อีกไม่นานประเทศไทยก็จะล่าหลังกว่าประเทศ ลาว เขมร และ เมียนมา

อนึ่ง นักลงทุนโดยทั่วไปส่วนใหญ่จะมองว่าแนวโน้มใหญ่ของโลกและประเทศไทยในระยะยาวน่าจะเป็น " สังคมผู้สูงอายุ " และ " สังคมการท่องเที่ยว " และ ธุรกิจเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่จึงเป็น " ธูรกิจ Health Care และ ธุรกิจโรงพยาบาล " และ "  ธุรกิจการบิน และ ธุรกิจโรงแรม "  แต่อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์ไม่ได้ให้ความสําคัญมากนักเพราะผู้โพสต์มีความเห็นว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยมีความชัดเจนมากกว่า และ ประการสําคัญที่สุดผู้โพสต์คิดว่าตัวเองมีความรู้ความชํานาญทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมากว่าตามหลักการลงทุนของจิม โรเจอร์ ที่อ้างถึงหลายครั้งหลายหนในที่แห่งนี้ จึงเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 ไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเป็นแหล่งรวมของความคิดที่แตกต่างหลากหลาย เพราะ ถ้านักลงทุนมีความคิดเหมือนกันหมด ก็จะไม่มีการซื้อขายกันในตลาดหุ้น ครับ

หมายเหตุ  โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com 

 

 

    

 


ศักดิ์