เปิดโผ หุ้นโรงไฟฟ้า “น่าสะสม”

เปิดโผ 8 หุ้นโรงไฟฟ้า “น่าสะสม”

รับศาลฯ ตัดสินการผลิตไฟฟ้าของรัฐฯ

ต่ำกว่า 51% ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

.

ในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมานี้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยปมสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของภาครัฐต่ำกว่า 51% ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยวินิจฉัยว่าแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP 2018) ที่ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า (ทำให้สัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าของภาครัฐลดต่ำกว่า 51%) ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

.

จึงถือข่าวเชิงบวกให้แก่ทั้งผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าและนักลงทุนไทยในการเข้ามาหาโอกาสการลงทุนและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน แต่จะมีหุ้นตัวใดบ้างที่น่าสนใจและได้ประโยชน์ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จะพาผู้อ่านได้ดูมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญกัน

.

โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่าการวินิจฉัยดังกล่าวของ”‘ศาลรัฐธรรมนูญ” เป็นการปลดล็อก Overhang ของกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลให้การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ของ กกพ. ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม

.

เบื้องต้นคาดตลาดจะเริ่มกลับมาเก็งกำไรผลการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่อีกครั้ง โดยขั้นตอนถัดไปคือการประกาศรายชื่อโครงการที่ผ่านเกณฑ์ทางด้านเทคนิคในช่วงปลายเดือน ม.ค. 2566 และการประกาศผลการคัดเลือกในวันที่ 22 มี.ค. ตามลำดับ

.

ส่วนหุ้นที่คาดได้รับประโยชน์สูงจากการประกาศรับซื้อไฟฟ้ารอบดังกล่าวได้แก่ GULF (ราคาเป้าหมายที่ 66 บาท) และ GUNKUL (ราคาเป้าหมายที่ 5.90 บาท) ที่มีการทำ JV ร่วมกันและคาดหวังกำลังผลิตใหม่ในระดับ 1,000MW รวมถึง SSP (ราคาเป้าหมายที่ 14.40) ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (การได้กำลังผลิตใหม่ส่งผลต่อกำไรชัดเจนกว่าผู้ประกอบการรายอื่น)

.

ด้านบทวิเคราะห์จากบล.ธนาต ให้มุมมองว่า คำตัดสินศาลฯ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่มีการยื่นขอผลิตไฟฟ้าไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แนะนำ “เก็งกำไร” BGRIM GULF และ GUNKUL ขณะที่ BPP ยังเป็นทางเลือกที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน

.

สุดท้ายบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่าศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7:2 ว่าการให้เอกชนเข้ามาร่วมผลิตไฟฟ้า เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะช่วยปลดล็อคความกังวลที่มีต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งหลาย ทั้ง GULF, BGRIM, GPSC, RATCH, EGCO ในช่วงสั้นมอง BGRIM น่าสนใจที่สุด จากประเด็นต้นทุนที่ลดลง และการปรับประมาณการกำไรจากการปรับขึ้นค่า Ft ในปี 2566