KKP : คงมุมมองที่ระมัดระวังต่อคุณภาพสินทรัพย์
KKP มองเห็นคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อใหม่ปี 2566 ที่ดีขึ้นเทียบกับปี 2565 และ ECL จะแตะระดับสูงสุดใน 4Q66 ผู้บริหารลดเป้าการเติบโตของสินเชื่อปี 2566-67
ปรับลดเป้าธุรกิจปี 2566 ผู้บริหารคาดว่าบริษัทฯ จะไม่บรรลุเป้าการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 ที่ 10% ได้ โดยแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 น่าจะอยู่ที่ 6-7% เนื่องจากเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อรายย่อยของ KKP ที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ หลังจากที่การอนุมัติสินเชื่อในปี 2565 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพสินทรัพย์ในปี 2566
สินเชื่อใหม่ปี 2566 มีคุณภาพดีขึ้น ผู้บริหารมองว่าสินเชื่อใหม่ที่ถูกปล่อยในปี 2566 มีคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าในปี 2565 หลังจากที่บริษัทฯ เข้มงวดในการการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ (HP) รถยนต์มือสองในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารคาดว่าการก่อ NPL ใหม่จากสินเชื่อ HP ที่ได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเริ่มลดลงในไตรมาส 4/2566 ผู้บริหารยังคงคาดว่า credit cost จะแตะระดับสูงสุดในไตรมาส 4/2566 และยังเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าสินเชื่อ HP จำนวนมากในไตรมาส 3/2566 เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์แทนที่จะเป็นการยึดหลักประกัน
ต้นทุนดอกเบี้ยจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ผู้บริหารคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 10-20bps ต่อไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป เนื่องจากเงินฝากประจำที่มีต้นทุนต่ำจะค่อยๆ หมดอายุในไตรมาส 4/2566-ไตรมาส 1/2567 ผู้บริหารยังคงเป้าการกระจายสินเชื่อปี 2566 ไว้ที่ 5%
คาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะยังคงอ่อนแอ เราคาดว่ากำไรไตรมาส 4/2566 จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจาก
1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่คาดว่าจะลดลงจากการไม่มีดอกเบี้ยรับของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 607 ลบ. ในไตรมาส 3/2566
2) NIM ที่คาดว่าจะลดลงจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
3) credit cost ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลขาดทุนจากรถยนต์ที่ถูกยึด
เราปรับประมาณการกำไรปี 2566-68 ลง 9%/20%/12% เป็น 5.6 พันลบ./5.6 พันลบ./6.9 พันลบ.
แนะนำ “ถือ” และ TP ที่ 50.00 บาท การเทขายเมื่อเร็วๆ นี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดให้ความสำคัญกับส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงสูงเกินไป และประเมินการปรับปรุงการดำเนินงานต่ำเกินไป
