ADB หั่นคาดการณ์ "เศรษฐกิจเอเชีย" ปี 65-66

ADB หั่นคาดการณ์ "เศรษฐกิจเอเชีย" ปี 65-66 กังวลผลดอกเบี้ยขาขึ้น-สงครามยูเครน

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ได้เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ Asian Development Outlook โดยปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียทั้งในปี 2565 และ 2566 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการที่ธนาคารกลางใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน, ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามในยูเครน และการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
 

ADB คาดว่าจีนจะเติบโต 3.3% จาก 5.0% ในเดือนเมษายน และได้ปรับลดประมาณการสำหรับปี 2566 เป็น 4.5% จาก 4.8% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ของจีน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ คลายข้อจำกัดในการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ช้ากว่าประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี 
 

แม้ว่าภูมิภาคนี้จะแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว แต่แนวโน้มทั่วโลกดารเติบโตกำลังชะลอตัว ADB คาดว่าเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียจะเติบโต 4.3% ในปี 2565 และ 4.9% ในปี 2566 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ปรับลดจากการคาดการณ์ที่แก้ไขในเดือนกรกฎาคมที่ 4.6% และ 5.2% ตามลำดับ 
 

รายงานยังระบุว่า “ธนาคารกลางในภูมิภาคกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเหนือระดับก่อนเกิดโรคระบาด สิ่งนี้มีส่วนทำให้เกิดสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตที่ลดลงและการเร่งรัดการเงินโดยเฟด”
 

อัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB กล่าวในถ้อยแถลงว่า "ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียยังคงฟื้นตัว แต่ความเสี่ยงยังมีอยู่มาก ...การตกต่ำครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจโลกจะบ่อนทำลายดีมานด์สำหรับการส่งออกของภูมิภาคอย่างรุนแรง การตึงตัวทางการเงินที่แข็งแกร่งเกินคาดในประเทศที่พัฒนาแล้วอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางการเงิน และการเติบโตในจีนเผชิญกับความท้าทายจากการล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ"
 

นอกจากนี้ ADB คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคจะเร่งขึ้นเป็น 4.5% ในปีนี้ จาก 3.7% ในการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ รวมถึงได้มีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566 ว่าจะทรงตัวที่ 4.0%  แต่ยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% ก่อนหน้านี้
 

ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเอเชียใต้ ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 6.5% ในปี 2565 แทนที่จะเป็น 7.0% การคาดการณ์การเติบโตของอินเดีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียใต้ ลดลงเหลือ 7.0% จาก 7.5% โดยคาดว่าจะขยายตัว 7.2% ในปี 2566 
 

ส่วนเศรษฐกิจของศรีลังกาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจคาดว่าจะหดตัว 8.8% ในปีนี้ ก่อนที่การหดตัวจะลดลงเหลือ 3.3% ในปี 2566 ปากีสถาน ซึ่งเติบโต 6% ในปีงบประมาณ 2565 สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในอัตราที่ช้าลง 3.5% ในปี 2566 เนื่องจากความพยายามที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขาดดุลการคลังของประเทศ 
 

นอกจากนี้ยังได้คาดการณ์การเติบโตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5.1% จาก 4.9% และคาดว่าจะขยายตัว 5.0% ในปี 2566 ซึ่งการคาดการณ์ที่ดีขึ้นของปีนี้เกิดขึ้น มาจากดีมานด์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 5.4% เพิ่มขึ้นจาก 5.0% ฟิลิปปินส์คาดว่าจะขยายตัว 6.5% มากกว่า 6.0%
 

อ้างอิง : https://www.cnbc.com/2022/09/21/adb-asias-developing-economies-are-set-to-grow-faster-than-chinas.html 

https://asia.nikkei.com/Economy/Emerging-Asia-growing-faster-than-China-for-1st-time-in-30-years