4 หุ้นหมู-ไก่จะเติบโตได้หรือไม่
ท่ามกลางปัจจัยลบที่กำลังรุมเร้า
.
ช่วงที่ผ่านมาหุ้นหมู-ไก่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบที่เข้ามากดดันผลประกอบการ ทั้งราคาเนื้อหมูในหลายประเทศที่ปรับตัวลดลง ราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ยืนอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้บางบริษัทยังมีปัจจัยลบเฉพาะตัวที่เข้ามากดดันทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 ออกมาไม่สวยนัก
.
ดังนั้น Wealthy Thai ขอพานักลงทุนมาสำรวจแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 และภาพรวมกำไรทั้งปี 2566 ของหุ้นหมู-ไก่ 4 ตัวได้แก่ CPF, TFG, GFPT และ BTG ว่าท่ามกลางปัจจัยลบที่รุมเร้า แต่ละบริษัทจะมีการเติบโตเป็นอย่างไร
.
มาเริ่มกันที่บริษัทในเครือยักษ์ใหญ่อย่าง CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดไตรมาส 2/66 บริษัทจะมีกำไรปกติ 1,220 ล้านบาท ลดลง 20% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า คาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาส 2/65 และ 1/66 จากการบริโภคในประเทศและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มราคาหมูไทยจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
.
ขณะที่ราคาไก่ไทยน่าจะทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนจีนและเวียดนามคาดราคาหมูจนกว่าจะถึงครึ่งปีหลัง ด้านต้นทุนอาหารสัตว์ยังทรงตัว ส่วนแบ่งจาก CPALL น่าจะดีขึ้นตามฤดูกาลและฟื้นตัวจากปีที่แล้ว โดยคงคำแนะนำ Neutral ด้วยราคาเป้าหมาย 23 บาท สำหรับระยะยาวยังมีมุมมองดีต่อ CPF คาดได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่เติบโตตามการท่องเที่ยวและส่งออกไปจีน/ญี่ปุ่น คาดกำไรปกติปี 2566 ลดลง 20.38% มาอยู่ที่ 11,123 ล้านบาท ก่อนจะฟื้นตัวในปี 2567 มาอยู่ที่ 14,824 ล้านบาท
.
ถัดมา BTG หรือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ไตรมาส 1/66 มีโอกาสเป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 เบื้องต้นฟื้นตัวจากไตรมาส 1/66 อย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการคาดหวังสถานการณ์ราคาหมูในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากปัญหาหมูเถื่อนที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ประกอบกับราคาหมูในปัจจุบันเป็นระดับที่ไม่จูงใจเกษตรกรรายย่อยแล้ว และคาดมีบางส่วนออกจากตลาดช่วยลด Supply หมู
.
ขณะที่ด้านต้นทุนประเมินว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ GPM จะฟื้นได้ แต่ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และประเมินว่าจะเห็นการปรับตัวลดลงของต้นทุนได้ชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป หลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต
.
ดังนั้นยังคงมุมมองเดิม คาดกำไรปี 2566 ที่ 3,367 ล้านบาท ลดลง 54.7% จากปีก่อน โดยปัจจัยกดดันหลักคือ 1. ราคาขายเฉลี่ยปศุสัตว์ที่ลดลง และ 2. ราคาต้นทุนวัตถุดิบการเลี้ยงที่สูงขึ้น โดยยังคงราคาเป้าหมายที่ 23 บาท มี Downside risk 5% และคงคำแนะนำ เก้งกำไร เชิงกลยุทธ์ราคาหุ้นยังขาดประเด็นบวกใหม่ หากไม่มีสถานะแนะนำ Wait and See
.
ส่วน GFPT หรือ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดไตรมาส 2/66 จะมีกำไรปกติที่ 314 ล้านบาท ลดลง 35% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่ลดลงมาจาก GPM ที่ปรับลดจากต้นทุนข้าวโพดและถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้น และ GFN ที่พลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ส่วนกำไรปกติที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/66 เพราะราคาและปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนทรงตัวชดเชยราคาในประเทศที่ลดลง
.
โดยยังคงคาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 1,574 ล้านบาท ลดลง 23% จากปีก่อน ไว้ก่อนและดูงบไตรมาส 2/66 อีกครั้ง และคงคำแนะนำ ซื้อ รวมถึงราคาเป้าหมายไว้ที่ 14 บาท เพราะภาพส่งออกที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป ถึงแม้คาดกำไรสุทธิจะลดลง แต่ยังคงเน้นในธีมท่องเที่ยวฟื้นตัวของไทย จีน และญี่ปุ่น ทำให้การส่งออกไก่จากไทยไปญี่ปุ่น-จีน รวมถึงปริมาณการบริโภคไก่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้ประโยชน์จากการส่งออกที่ดีขึ้นของบริษัทย่อยคือ McKey GFN ที่มีฐานลูกค้าในแมคโดนอลเอเชียและอาหารพร้อมรับประทานในร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่น
.
สุดท้าย TFG หรือ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด ระบุว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในครึ่งหลังของปี 2566 หลังจากรัฐบาลปราบปรามการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย โดยฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมว่าราคาเนื้อสัตว์อาจทรงตัวเช่นจากไตรมาส 1/66 คาดการร์แนวโน้มราคาขายสุกรและไก่ในปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 85 บาทต่อกก. ลดลง 13% จากปีก่อน และ 44.5 บาทต่อกก. ลดลง 20% จากปีก่อน ตามลำดับ
.
ดังนั้นเราจึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 2,676 ล้านบาท ลดลง 43% จากปีก่อน และคาดว่าจะกลับมาเติบโตที่ 2,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ ยังคงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมายที่ 5.2 บาท เพราะไม่มีปัจจัยเร่งที่ชัดเจนในระยะสั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนรอจนกว่าราคาเนื้อสัตว์จะเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
