หุ้นไทยปิดลบ 8.22 จุด ฐานะการเงินแบงก์ทั่วโลกกดดัน ต่างชาติขาย 3,480 ล้านบาท
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 20 มีนาคม ปิดที่ระดับ 1,555.45 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.53%) โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ 1,569.76 จุด ต่ำสุดที่ 1,543.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,838.25 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,480.83 ล้านบาท ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ 154.46 ล้านบาท
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียหลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ร่วงแรง เครดิตสวิส ดิ่งลง 62% และหุ้น UBS ร่วง 14% ส่วนหุ้นแบงก์อื่นๆ ก็ปรับตัวลงไป 5-6%
สาเหตุหลักมาจากการ write off ตราสารหนี้ของธนาคารเครดิตสวิส ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่สามารถแปลงหนี้เป็นหุ้น และนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Additional 1:AT1) มูลค่า 1.73 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถูกตัดเป็นศูนย์ และยังมีธนาคารอื่นในยุโรปที่มีตราสารหนี้ประเภทนี้ นักลงทุนกลัวว่าจะเป็นปัญหากลายเป็นโดมิโนจากความเสี่ยงในการถือตราสารหนี้ AT1 ส่งผลให้ช่วงบ่ายตลาดหุ้นยุโรปผันผวน และส่งผลมาถึงตลาดเอเชียเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกเรื่องยุบสภา ทำให้จากที่ดัชนีลงไปลึกถึง 20 จุดหลังจากประกาศยุบสภาจึงเด้งขึ้นมาลดช่วงลบไปได้บ้าง
สำหรับแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) คาดว่าตลาดยังมีความผันผวนอยู่ แต่มองว่าจะเป็นภาพระยะสั้นกรณีที่ตราสารหนี้กลับมามีความเสี่ยงมากกว่าหุ้น แต่เชื่อว่าสุดท้ายเมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 21-22 มี.ค.น่าจะทำให้ ความกังวลทิศทางนโยบายการเงินคลี่คลาย และคาดว่าเฟดจะพูดถึงความแข็งแกร่งของระบบธนาคาร ความเสี่ยงต่างๆ และปัญหาของธนาคารน่าจะสกัดได้ ดังนั้น แนะนำให้ลงทุนช่วงก่อนประชุมเฟดเพราะมองโอกาสตลาดจะรับข้อมูลทางบวกและจะทำให้ตลาดดีขึ้น
ให้แนวรับ 1,540 จุด แนวต้าน 1,565-1,570 จุด
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
– KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,656.23 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
– DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,368.38 ล้านบาท ปิดที่ 980.00 บาท ลดลง 16.00 บาท
– PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,046.87 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
– ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,943.92 ล้านบาท ปิดที่ 209.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
– CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,810.68 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท