ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์ 3 หุ้นเดินเรือ

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
91 views

วิเคราะห์ 3 หุ้นเดินเรือ ในวันที่ค่าระวางขาขึ้นไม่หยุด

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญานการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นปัจจัยความต้องการของสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกิจกรรมทางการค้าที่จะมีแนวโมสูงขึ้นเช่นกัน สะท้อนจาก ดัชนีระวางเรือเทกอง BDI ที่ขยับตัวเพิ่มต่อเนื่อง เป็นเหตุให้หุ้นเดินเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะ  3 หุ้นสุดฮอตอย่าง PSL, TTA และRCL จะมีความน่าสนใจแค่ไหน ทีมข่าว Wealthy Thai หาคำตอบมาให้แล้ว


ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด บอกว่า หุ้นกล่มเดินเรือถ้าดูตามดัชนี BDI ขึ้นมา ราคาหุ้นสะท้อนในช่วง  2-3 ไตรมาสถัดๆไป โดยไตรมาสนี้จะยังไม่เห็นชัดเจน แต่ไตรมาสถัดไปจะสะท้อนเรื่องของผลกระกอบการ


อย่างไรก็ตามจะต้องมาดูเรื่องของมูลค่าหุ้น ประกอบด้วย value เทรดดิ้งตามตัว BDI ทั้งนี้มองว่า BDI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะว่า เรื่องของการค้าโลกที่มันดีขึ้น ขณะที่ในด้านของตัวเรือยังมีจำกัด จะทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ อยากจะให้นักลงทุนที่ลงทุนในช่วงนี้ต้องดูเรื่อง value ประกอบด้วย RCL ASIMA ถึงแม้จะไม่ได้รับอานิงส์โดยตรง แต่เชิงเปรียบเทียบก็น่าสนใจ valuation แม้จะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง BDI ที่ปรับตัวขึ้น


ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า กิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัวจากปีที่แล้ว และทำให้เกิดความคาดหมายว่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในอนาคต เป็นปัจจัยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หลายๆตัว  ราคาน้ำมัน ,  BDI  ราคาน้ำตาล ฯลฯ ซึ่งยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น สะท้อนจากผลตอบแทนของ  นับตั้งแต่ต้นเดือน – ปัจจุบัน (MTD) และ ผลตอบแทน นับตั้งแต่ต้นปี– ปัจจุบัน (YTD) ดังรูปด้านล่าง และล่าสุดเช้านี้ ราคาน้ำตาลโลกปรับเพิ่มขึ้นทำ New high ในรอบ 4 ปี  เช่นเดียวกับ BDI


พร้อมยังบอกอีกว่า กลุ่มเดินเรือ  ปัจจุบันดัชนีระวางเรือเทกอง BDI ขยับตัวเพิ่มจากสัปดาห์ก่อนขึ้นเป็น New High ในรอบปี พร้อมทั้ง Drewry Hong Kong-Loss Angeles Container Rate ก็ปรับตัวขึ้น 4.3% จากสัปดาห์ก่อนหน้า อันเกิดจากความต้องการขนส่งสินค้าที่ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งก่อนหน้านี้ปัญหาที่คลองสุเอซยังทำให้ระบบการเกินเรือเกิดความล่าช้ากว่าปกติ ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเดินเรือ เช่น TTA, PSL, และ RCL


รวมถึงหุ้นภายใต้ Coverage อย่าง WICE ([email protected]) จะได้รับงานจัดการขนส่งระหว่างประเทศในระดับสูง เชื่อระยะสั้นไตรมาส 1/64 กำไรจะเติบโตสดใส ขณะที่แนวโน้มค่าระวางเรือปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง แม้จะกดดัน Gross Margin แต่จะชดเชยได้จาก Volume งานขนส่งที่มากขึ้น



PSL
จะพลิกมาเป็นกำไรเป็นปีแรกในรอบ 9 ปี

เริ่มจาก PSL หรือ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) โดยนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดไตรมาส 1/63 ทาง PSL จะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 117 ล้านบาท ในไตรมาส 1/63 ซึ่งค่าเฉลี่ย BDI ในไตรมาสนี้ (ถึง 16 มี.ค.) อยู่ที่ 1,633 จุด เพิ่มขึ้น 173% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าเฉลี่ย BDI, BSI และ BHSI สูงขึ้น 20%, 42% และ 35% จากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/62 สะท้อนว่าอัตรา TC ในไตรมาส 1/64 จะดีขึ้นและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น แต่อย่างไรก็ตาม จากอัพไซด์ที่จำกัดและโอกาสที่ BDI จะอ่อนแอลงในไตรมาส 2 เราปรับคำแนะนำลงสู่ ถือ จาก ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท


Clarksons คาดว่าการค้าทางเรือเทกองจะเติบโต 5% ในปี 64 หนุนจากกิจกรรมการค้าที่สูงขึ้น และมีการปรับอัตราเติบโตของซัพพลายในปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 2.6% เทียบกับ 1.4% คาดการณ์ก่อนหน้านี้ใน ต.ค. 63 เนื่องจาก BDI ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เจ้าของเรือเทกองชะลอการแยกเรือเป็นเหล็ก


อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมเรือเทกอง หนุนจากแนวโน้มของความต้องการที่เติบโตเร็วกว่าซัพพลาย และคาดว่าแนวโน้มเชิงบวกจะยังคงอยู่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากคำสั่งต่อเรือเทกองอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษที่ 5.7% ของจำนวนเรือทั้งหมด เทียบกับ คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6.5%


ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า PSL น่าสนใจในการลงทุน เพราะเป็นเรื่องราวของการฟื้นตัว (turnaround story) อย่างแท้จริง เพราะคาดว่าผลการดำเนินงานจะพลิกมาเป็นกำไรเป็นปีแรกในรอบ 9 ปีทีเดียว (ยกเว้นปี 61) จากปี 63 ที่มีขาดทุนจากธุรกิจหลัก (Core Losses) ที่ 601 ล้านบาท คาดว่าปี 64 และ 65 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรหลักถึง 1.3 และ 1.7 พันล้านบาท ตามลำดับ


เริ่มการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 13.60 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ปี 64 ที่ระดับ 1.85 เท่า แม้ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้ว แต่ที่ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่ม (Upside) ได้อีก 18% ด้านความเสี่ยงคือ ความซบเซาด้านการค้า หากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด รวมทั้งอุปทานในตลาดที่จะเพิ่มขึ้น แต่ปกติแล้วการต่อเรือใหม่จะใช้เวลานานพอควร



TTA ค่าระวางเรือของมักทำได้สูงกว่าตลาดเฉลี่ย 17%

ต่อมา TTA หรือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 มีแนวโน้มสดใส โดยรวมจึงคาดกำไรปกติ 203.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น27.0% จากไตรมาสก่อน และดีขึ้นมากจากขาดทุน 459.0 ล้านบาทในไตรมาส 1/63


ทั้งนี้นำโดยธุรกิจขนส่งทางเรือซึ่งเป็นรายได้หลัก (37% ของรายได้รวม) จากดัชนี BSI เฉลี่ยที่ เพิ่มขึ้น 53.2% จากไตรมาสก่อน, และเพิ่มขึ้น 151.6%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรา ค่าระวางเรือในท้องตลาดเฉลี่ยที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเป็นประมาณ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เพิ่มขึ้น 41.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 104.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


ส่วนค่าระวางเรือของ TTA มักทำได้สูงกว่าตลาดเฉลี่ย 17% ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) มักต่ำกว่าตลาดโดยคาดว่าจะ อยู่ในระดับ 3,600-3,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ประกอบกับบริษัทรับเรือใหม่เข้ามาเพิ่ม 1 ลำ (Ultramax) ตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จึงคาดว่ากำไรจากธุรกิจขนส่งทางเรือจะโดดเด่นมากจนชดเชยผลขาดทุนของธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Mermaid) ได้ แม้ Mermaid จะมี Backlog สูงถึง 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จะเริ่มทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 สำหรับธุรกิจขายปุ๋ยในเวียดนามยังคงเป็น Cash cow business ต่อเนื่อง ส่วนยอดขายของธุรกิจอาหารทั้ง Pizza Hut และ Taco Bell อาจถูกกระทบบ้างในช่วงต้นปีที่มีโควิด-19 ระลอกใหม่แต่ไม่แย่ไปกว่าปีที่ผ่านมา


ดังนั้นปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 14.50 บาท แนะนำ ซื้อ โดย กำไรที่คาดในไตรมาส 1/64 คิดเป็น 27% ของประมาณการทั้งปี หากเป็นไปตามคาด ประมาณการปี 64 ของเราจะมี Upside เพราะผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มีแนวโน้ม เติบโตต่อเนื่องตามดัชนี BSI และค่าระวางเรือในเดือน เม.ย. ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 20% และ 13% ตามลำดับ แม้จะคาดว่าการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของค่าระวางเรือ จะเริ่มกลับสู่ปกติในไตรมาสส 2-3/64 แต่ยังอยู่ในระดับสูงต่อไปถึงปี 65 จาก Demand ที่มากกว่า Supply และในช่วงครึ่งหลังปี 64  ผลประกอบการของ Mermaid จะกลับมาช่วย หนุนผลประกอบการรวม โยคาดปี 64 ทาง TTA จะมีกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,945 ล้านบาท



RCL
ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจากค่าระวางเรือที่สูงกว่าคาด

และสุดท้าย  RCL บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) โดยนักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บอกว่า ราคาดว่า RCL จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 ที่ 1.8-2.2 พันล้านบาท เติบโต 14,593-17,859%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  12.25 ล้านบาท หนุนจากค่าระวางเรือและจำนวนเรือที่มากขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนบรรเทาลง แต่ตลาดเช่าเรือตึงตัวขึ้น


โดยผู้บริหารของ RCL คาดว่าปริมาณการขนถ่ายสินค้า (lifting volume) ในไตรมาส 1-2/2564 จะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับในไตรมาส 3/2563 ที่ 559,000 TEU ซึ่งสะท้อนว่า lifting volume จะเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งมากกว่าที่เราคาดไว้ 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนบรรเทาลง หลังผ่านพันช่วงเทศกาลตรุษจีนเพราะผู้ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ปรับเพิ่มอัตราการผลิตขึ้น


อย่างไรก็ดี ปัญหาอุปทานขาดแคลนย้ายไปยังตลาดเรือแทนเพราะไม่มีเรือให้เช่าเหมาลำเหลือขณะนี้ Splash รายงานจำนวนเรือที่ต่อคิวเข้าชายฝั่งในสหรัฐฯ ยังค่อนข้างมากอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา terminal productivity ในท่าเรือที่สหรัฐฯ ต่ำกว่าในทวีปเอเชียถึง 50% จากจำนวนการทำงานที่ลดลงเป็นผลจากวิกฤตโควิด-19 อิงจากการรายงานของ CEO ของ ONE จากประเทศญี่ปุ่น สัดส่วนของ transshipment rollovers (ดัชนีชี้วัดความแออัด) ของท่าเรือหลักในทวีปเอเชียยังอยู่ในระดับสูงที่ 32-66% ในเดือน ม.ค.2564 เทียบกับที่ 24-44% ในเดือน ต.ค. 2563 เราเชื่อมั่นว่าปัญหาอุปทานขาดแคลนที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจะทำให้อัตราค่าระวางเรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยังคงทรงตัวในระดับสูง


อย่างไรก็ตาม เราปรับลดคำแนะนำ RCL ลงเป็น "ถือ" ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท จาก upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเราเพราะราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 94% YTD สะท้อนอัตราค่าระวางเรือและกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เราคาดว่าอัตราค่าระวางเรือจะปรับลดลงอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จากปัญหาอุปทานขาดแคลนที่บรรเทาลงหลังสิ้นสุดวิกฤต โควิด-19 ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจากอัตราค่าระวางเรือที่สูงกว่าคาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และ lifting volume ที่สูงกว่าคาดจากปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัวดี โดยเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ระดับ 6,248 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นจากปี 2563 ที่มีระดับ 1,744.79 ล้านบาท

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree