ถือเป็นดีลขนาดใหญ่สำหรับ CPF ที่มีนักลงทุนและนักวิเคราะห์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับการเข้าลงทุน ประการซื้อกิจการหมูในประเทศจีนด้วยมูลค่า1.31แสนล้านบาทผ่านบริษัทย่อย
... ประเด็นสำคัญ คือด้วยเม็ดเงินมากขนาดนี้ CPF ไม่ใช้เงินสด และไม่ต้องเพิ่มทุน อีกด้วย
เรามาสำรวจมุมมองบทวิเคราะห์แบบสรุปประเด็นสำคัญกันสักหน่อยครับ ว่ามีมุมมองกันอย่างไรบ้าง .. .
บล.หยวนต้า มองเป็นบวกต่อธุรกรรมนี้ โดยมองว่า
1. CPF จะได้ประโยชน์จากราคาหมูที่สูงมากในจีน และเป็นผู้เล่นเบอร์ 5 ในจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก
2. CPF จะได้รับรู้กำไรพิเศษราวๆ 2,600 ล้านบาท
3. CPF จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นราวๆ 11%
4. CPF จะมีต้นทุนการเลี้ยงที่ถูกลง
5. CPF จะมี Upside จากการนำ CTI จดทะเบียนที่ตลาดหุ้นฮ่องกง (ภายใน 2 ปี)
อย่างไรก็ตาม ด้วยดีลขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการทำธุรกรรม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/63 หากผ่านมติผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 ตุลาคม
บล.ฟิลลิป วิเคราะห์ว่า เป็นการซื้อกิจการธรรมดาอย่างที่เคยเกิดขึ้นเป็นปกติสำหรับ CPF แต่ครั้งนี้บริษัทไม่ต้องจ่ายเงินออกไปและรับรู้กำไรเข้ามาทันที อีกทั้งแนวโน้มการดำเนินงานจะช่วยหนุน CPF ให้เติบโตขึ้น โดนธุรกิจหมูในจีนมี Growth rate ประมาณ 8% ต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้เป็นโอกาสในการขยายกำลังการผลิต และราคาหมูที่ยังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม หลังการเข้าซื้อกิจการทำให้ยอดขายของ CPF ลดลง 22% จากการไม่รวมงบของ CTI เข้ามา แต่จะทำให้กำไรดีขึ้นจากการรวมธุรกิจใหม่ และบริษัทยังมีประเด็นในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์จีนอีก 2 ปีข้างหน้า
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง มองว่า CPF จะได้ประโยชน์จากดีลนี้ โดยราคาหมูที่สูงขึ้นเนื่องจาก Supply ขาดแคลน ต่อไปอีก 2 ปี ทำให้กำไรของ CPF เพิ่มขึ้นมากถึง 12% โอกาสเติบโตสูง และสามารถ Unlock Value ด้วยการ IPO
นี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากสำหรับ CPF ที่ต้องจับตาอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผลประกอบการจะโตก้าวกระโดดหรือไม่ ต้องติดตามครับ
-----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล