ห้องเม่าปีกเหล็ก

บิตคอยล์ละ 5 ล้านบาท ???

โดย Analog
เผยแพร่ :
162 views

 

ย้อนกลับไปปี 2010 ลาสซ์โล ฮันแยชซ์ (Laszlo Hanyecz) โปรแกรมเมอร์จากรัฐฟลอริดา จ่ายเงินซื้อพิซซ่าสองถาดด้วยบิตคอยน์ไป 10,000 บิตคอยน์ (คิดเป็นมูลค่าตอนนี้ประมาณ 6,000 ลัานบาท) มองย้อนกลับไปจากตอนนี้หลายคนคงมองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่น่าเสียดาย แต่ในขณะนั้นที่บิตคอยน์มีมูลค่าราว ๆ 0.0025 เหรียญ / บิตคอยน์ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิตัลที่มีมูลค่าขนาดนี้

.

ความผันผวนกับตลาดคริปโตเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครใจไม่แข็งหรือรับความเสี่ยงไม่ได้คงไม่เหมาะกับตลาดตรงนี้ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงสองปีที่ผ่านมา ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดปี 2020 จนถึงตอนนี้ปลายทาง 2022 ใครใจไม่เสริมใยเหล็กหรือมีความเชื่อในตลาดคริปโตจริง ๆ คงถอดใจกันไปไม่น้อย

.

บิตคอยน์มีการเหวี่ยงขึ้นลงพีคนิวไฮใหม่ สร้างเศรษฐีร้อยล้านพันล้านหน้าใหม่หลายคน แต่ภายในเวลาไม่นานทรัพย์สินเหล่านั้นก็มลายหายไป เหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันชั่วข้ามคืน

.

จากต้นปี 2020 บิตคอยน์ซื้อขายกันอยู่ที่ราว ๆ 9000 เหรียญ / บิตคอยน์ หลังจากนั้นแค่ประมาณหนึ่งปีช่วงเมษายน 2021 ก็ขึ้นไปสูงถึง 60,000 เหรียญ / บิตคอยน์ แล้วหลังจากนั้นอีกแค่สองเดือนก็ร่วงมาที่ 32,000 เหรียญ / บิตคอยน์ แล้วหลังจากนั้นอีกห้าเดือนก็พุ่งปี๊ดมาทำนิวไฮที่ 64,000 เหรียญ / บิตคอยน์ แต่หลังจากนั้นก็ร่วงหนัก เข้าสู่ตลาดหมีอย่างเต็มตัว ผ่านมาประมาณหนึ่งปีถึงตอนนี้ (02/12/2022) ตอนนี้ราคาอยู่ที่ราว ๆ 17,000 เหรียญ / บิตคอยน์ หรือร่วงลงไปราว 72% แล้ว

.

แต่ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าตลาดคริปโตยังไม่ได้หมดหวังหรือจะตายหายไปซะทีเดียว โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่หลายคนยังมองว่านี่เป็นเพียงจังหวะพักตัวเพื่อที่จะทยานขึ้นไปต่อภายในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า ซึ่งการขึ้นครั้งนี้ถูกมองว่าจะไปถึง 149,000 ล้านเหรียญ / บิตคอยน์ หรือราว ๆ 5,200,000 บาท / บิตคอยน์ เลยทีเดียว

.

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นลองมาดูปัจจัยหลัก ๆ ในช่วงที่ผ่านมาที่ทำให้ตลาดผันผวนขนาดนี้กันดีกว่า

.

1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ - อันนี้ว่าไปแล้วก็กระทบกันทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ตลาดคริปโต (ลองดูตลาดหุ้นเทคโนโลยีของอเมริกาก็ร่วงหนักไม่แพ้กัน) ย้อนกลับไปที่ช่วงต้นปี 2020 ขณะที่สถานการณ์ของโควิด-19 ยังแพร่ระบาดอย่างหนัก ภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงัก FED ( Federal Reserve System หรือ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ) ได้มีการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในภาคครัวเรือนและเศรษฐกิจมากขึ้น แต่พอทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนและอุปสงค์ของผู้บริโภคมากเกินไป นำมาสู่อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบสี่สิบปี

.

กลายเป็นว่าเงินในระบบเยอะ ก็ไปลงในสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงคริปโตด้วย FED เลยต้องมีการจัดการตรงนี้แล้วเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม 2022 จนถึงตอนนี้ปรับขึ้นไปแล้ว 6 ครั้ง ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.75-4% เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2008 หรือสูงที่สุดในรอบ 14 ปีเลยทีเดียว

.

นักลงทุนกังวลก็ย้ายเงินไปอยู่เก็บไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างการถือเงินสด พันธบัตรรัฐบาล หรือทองคำต่าง ๆ ซึ่งตลาดลงทุนก็ดิ่งลงไปทั้งกระดาน Nasdaq, S&P 500 หรือ คริปโตก็ตามที

.

2. เหตุการณ์ในตลาดคริปโต - เราเห็นข่าวสะเทือนวงการคริปโตค่อนข้างเยอะในช่วงที่ผ่านมา หลัก ๆ เลยคือเรื่องเหรียญ LUNA และ UST ที่ดิ่งลงไปจนส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตทั่วโลกในช่วงกลางปี 2022 ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดคริปโตก็เริ่มสั่นคลอน พอมาในช่วงปลายปีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกหลังจากที่กระดานเทรดคริปโตที่เคยมีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญและขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกชื่อ “FTX” ยื่นล้มละลาย

.

3. ปัจจัยภายนอก - สิ่งที่กระทบกับตลาดคือเรื่องความวิตกกังวลของนักลงทุน ที่ผ่านมาในปีนี้มีเหตุการณ์มากมาย อย่างสงครามรัสเซียยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น (ส่งผลถึงเงินเฟ้อด้วย) หรือนโยบาย Zero-Covid ของจีนที่ตอนนี้นำไปสู่เหตุการณ์ไม่สงบและการเดินประท้วงของประชาชน ไปจนถึงการงัดข้อทางเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกาและจีนจนกลายเป็นกฎหมาย CHIPS Act ของอเมริกาที่รัฐบาลจะตั้งงบประมาณ 52,000 ล้านเหรียญเพื่อนำไปอุดหนุนผู้ผลิตชิปต่างๆ ให้เข้ามาวิจัยและตั้งโรงงานผลิตชิปในประเทศอเมริกา ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้น ล้วนแต่นำความไม่สบายใจมาสู่นักลงทุนและกระทบกับตลาดคริปโตด้วย

.

แต่ยังไงก็ตามสำหรับคนที่ตามตลาดคริปโตอยู่จะทราบว่าภายในช่วงต้นถึงกลางปี 2024 จะมีเหตุการณ์ที่เรียกว่า Bitcoin Halving (‘บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง’) เกิดขึ้น บิตคอยน์ถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัดในระบบซึ่งก็คือ 21 ล้านเหรียญ ‘ซาโตชิ นากาโมโต’ ผู้สร้างบิตคอยน์ ยังสร้างระบบบิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่งที่ทำให้ไม่สามารถสร้างบิตคอยน์ได้เร็วเกินไปขึ้นมาด้วย

.

อย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจคือ Blockchain ของบิตคอยน์ใช้ระบบที่เรียกว่า Proof-of-Work เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและทำให้ผู้ใช้ในเครือข่ายยอมรับความถูกต้องของธุรกรรมนั้น ๆ ได้ ระบบ Proof-of-Work คือการที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายจะต้องแข่งกันแก้สมการทางคณิตศาสตร์ แลกกับสิทธิ์ในการรับรองธุรกรรมและเพิ่มข้อมูลชุดใหม่ เรียกว่าการเพิ่มบล็อกลงไปใน Blockchain กระบวนการนี้เรียกว่า “การขุด” นั่นเอง

.

ผู้ที่แก้สมการได้ก็จะรางวัลจากการขุดซึ่งเป็นเหรียญบิตคอยน์ แต่ด้วยระบบบิตคอยน์ฮาล์ฟวิ่งที่ซาโตชิวางเอาไว้ เหรียญรางวัลที่ได้จะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี เหมือนเป็น “นโยบายการเงิน” ในระบบบิตคอยน์สร้างสมดุลขึ้นในระบบเพื่อป้องกันปัญหาบิตคอยน์เฟ้อ ทำให้จำนวนเหรียญที่หมุนเวียนลดลง เกิดภาวะขาดแคลน ความต้องการซื้อเหรียญจะเพิ่มขึ้นและนั่นจะทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นนั่นเอง

.

การทำบิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่งนั้นเกิดขึ้นทุก 4 ปี เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2012 และล่าสุดคือช่วงพฤษภาคม 2020 และถ้าเราย้อนกลับไปดูกราฟของบิตคอยน์หลังจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 3-6 เดือนราคาของบิตคอยน์ก็จะพุ่งแรงทุกครั้ง

.

- ครั้งที่ 1 ในปี 2012 จาก 12 เหรียญ / บิตคอยน์ ไปทำนิวไฮที่ประมาณ 1,200 เหรียญ / บิตคอยน์ในปี 2013 (หลังจากนั้นราว 1 ปี ก็ลงมาเหลือประมาณ 200 เหรียญ / บิตคอยน์ ลดไปประมาณ 80%)

.

- ครั้งที่ 2 ในปี 2016 จาก 652 เหรียญ / บิตคอยน์ ไปทำนิวไฮที่ 20,000 เหรียญ / บิตคอยน์ ช่วงปลายปี 2017 (หลังจากนั้นราว 1 ปี ก็ลงมาเหลือประมาณ 3,200 เหรียญ / บิตคอยน์ ลดลงมาประมาณ 83%)

.

- ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2020 จากประมาณ 9,000 เหรียญ / บิตคอยน์ ขึ้นไปทำนิวไฮที่ระดับ 60,000 เหรียญ / บิตคอยน์ ในช่วงเดือนเมษายน 2021 (ก่อนจะร่วงลงมาและขึ้นไปอีกรอบและทำนิวไฮใหม่ช่วงปลายปี 2021 ที่ระดับ 64,000 เหรียญ / บิตคอยน์ และตอนนี้ผ่านมาประมาณหนึ่งปีราคาอยู่ที่ราว ๆ 17,000 เหรียญ / บิตคอยน์ หรือร่วงลงไปราว 72%)

.

เพราะฉะนั้นเราน่าจะกำลังเห็นแพตเทิร์นอะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ดู จุน (Du Jun) ผู้ร่วมก่อตั้ง Huobi กระดานเทรดคริปโตที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 19 ของโลกให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ CNBC บอกเมื่อช่วงต้นปี 2022 ว่า “ถ้าวัฏจักรยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงต้นของตลาดหมี (ช่วงขาลง) แล้ว” โดยเว็บไซต์เกี่ยวกับการเงินการลงทุน The Motley Fool ก็บอกในเชิงเดียวกันว่า “ถ้าเราใช้หลักการเดียวกันสำหรับการฮาล์ฟวิ่งบิตคอยน์ครั้งต่อไปในปี 2024 เราก็น่าจะคาดหวังตลาดกระทิงสำหรับบิตคอยน์ด้วย”

.

โดย Pantera Capital บริษัทการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลบอกกับเว็บไซต์ The Motley Fool ว่า “ตามตัวเลขแล้วบิตคอยน์จะถึงจุดต่ำสุดช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2022 แล้วหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2023 จนถึงต้นปี 2024 และหลังจากนั้นพุ่งทะยานเลย” ซึ่งตัวเลขที่ทางบริษัทคำนวณได้บอกว่าบิตคอยน์จะถึงจุดต่ำสุดประมาณ 477 วันก่อนจะเกิดการฮาล์ฟวิ่งแล้วหลังจากนั้นจะขึ้นสู่จุดสูงสุดราว ๆ 480 วันหลังจากนั้น (ซึ่งก็คือช่วงปี 2025) ตัวเลขที่ทางบริษัทวางเอาไว้คือ 149,000 เหรียญ / บิตคอยน์ หรือประมาณ 5,200,000 บาท / บิตคอยน์เลยทีเดียว

.

แน่นอนว่านี่คือเรื่องของอนาคต ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีคนมองบวก ก็มีคนมองต่าง เพราะเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2022 มาร์ก โมบิอุส (Mark Mobius) ผู้จัดการกองทุนตลาดเกิดใหม่ชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงก็บอกกับเว็บไซต์การเงิน CNBC ว่าบิตคอยน์ยังมีโอกาสลงไปต่ำกว่านี้ได้อีกและอาจจะต่ำกว่า 10,000 เหรียญ / บิตคอยน์ (หรือราว ๆ 350,000 บาท / บิตคอยน์) ในปี 2023 ที่จะถึงนี้เพราะความเสี่ยงในเรื่องดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนลดความสนใจในการถือครองคริปโตด้วย (สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดบริษัทมหาชนด้านธนาคารและการเงินของอังกฤษก็มองในเชิงเดียวกันบอกว่าจะลงไปถึง 5,000 เหรียญ / บิตคอยน์ ด้วยซ้ำในปีหน้า)

.

อย่างที่บอกว่าความผันผวนกับตลาดคริปโตเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรทำต่อจากนี้คือศึกษาข้อมูลให้ดี ศึกษาเรื่องความเสี่ยงรอบ ๆ ด้านอื่น ๆ ประกอบร่วมด้วย เพราะตัวบริษัท Pantera Capital เองก็เคยคาดการณ์ผิดมาก่อนช่วงการทำฮาล์ฟวิ่งครั้งก่อนบอกว่าจะไปแตะ 100,000 เหรียญ / บิตคอยน์ แต่ขึ้นไปถึงได้แค่ประมาณ 64,000 เหรียญเท่านั้น

.

ยังไงก็ตามนี่คือแสงไฟแห่งความหวังของชาวดอยบิตคอยน์ ที่ตอนนี้ได้แต่ชะเง้อคอรอให้ปี 2024 มาถึงเร็ว ๆ จะได้ลงจากยอดดอยอันหนาวเหน็บกันสักที

.

=====

.

อ้างอิง

.

https://www.fool.com/.../is-it-too-early-to-talk-about.../

.

https://zycrypto.com/pantera-capital-ceo-reveals.../

.

https://www.cnbc.com/.../bitcoin-price-could-fall...

.

https://www.bloomberg.com/.../bitcoin-sinks-further-70-in...

.

#aomMONEY #คริปโต #บิตคอยน์ฮาล์ฟวิ่ง #bitcoinhalving #บิตคอยน์5ล้าน

 

 


Analog