ห้องเม่าปีกเหล็ก

ทำไมหุ้นจีนถึงขึ้น ?

โดย slark
เผยแพร่ :
51 views

บทความจาก TNN Wealth

China stock markets scary or interesting?
ตลาดหุ้นจีนน่ากลัว หรือ น่าสนใจ

May be an image of text that says '0.00 TNN WEALTH 00 5389.25 C5294.60 6400.00 5600.00 Investing. 2009 2011 2013 2015 2017 2019 CSI300 (เชี่ยงไฮ้ + เชิ่นเจิ้น) สูงสุดในรอบ 13 ปี'

ตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่อยู่ในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก ด้วยการเป็นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะที่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะหุ้นใหญ่ของจีน 50 รายแรก (China A50) รวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) ซึ่งมีบริษัทจีนจดทะเบียนอยู่หลายแห่ง โดยดัชนีปรับขึ้นมาราว 7-8% ในช่วงต้นปีนี้

หากดูจากดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นหลัก 300 บริษัทของจีน ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560-2563 พบว่าแต่ละปี ยกเว้นปี 2563 ซึ่งเกิดโควิด-19 ดัชนี CSI 300 สามารถปรับขึ้นได้หลังจากตลาดหุ้นกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งหลังจากหยุดช่วงตรุษจีน โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนีจะต่อเนื่องราว 2-3 สัปดาห์ ส่วนในช่วงก่อนวันหยุดยาวปริมาณการซื้อมักจะซบเซาลง

ทางรายการเศรษฐกิจ insight ทางช่องทีเอ็นเอ็นช่อง 16 ได้พูดคุยกับ

คุณเพิ่มศักดิ์ จักร์มงคลชัย ผู้อำนวยการสำนักที่ปรึกษาทางการเงิน LH BANK

ถึงมุมมองการลงทุนในหุ้นจีน

คำถาม 1. ปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา

คำตอบ ตลาดหุ้นจีนถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากนับตั้งแต่เข้าปี 2021 โดยดัชนี CSI300 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 5,110 จุด ขึ้นมาที่ 5,810 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 700 จุดหรือ +13.7% ในเวลาเพียงเดือนกว่า ก่อนที่จะหยุดยาวจากเทศกาลตรุษจีน

หลังจากที่ตลาดเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021 ดัชนี CSI300 ขึ้นไปทำ High ที่5930 จุด ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อปี 2007 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมาและมาปิดที่ 5260 จุดจากจุดสูงสุด ปรับตัวลดลงมา -11% ในช่วงระยะเวลาเพียง 12 วันทำการ เรียกได้ว่าปรับตัวลดลงเฉลี่ยเกือบ 1% ต่อวันเลย

ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลง มาจาก
ปัจจัยแรก ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ จนขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปี ส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างผู้ผลิตสุรา ที่มีการเก็งกำไรกันอย่างสูงในช่วงก่อนตรุษจีน หุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นจีนอย่าง Kweichow Moutaiปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 30% ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนกับ 10 วัน พอเปิดตลาดหลังตรุษจีน เจอกับแรงเทขายทำกำไร ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 21% จากราคาปิดล่าสุด

ปัจจัยที่สองตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1.5 – 1.6% เนื่องจากตลาดหุ้นจีนพร้อมที่จะปรับฐานลงมาอยู่แล้ว เนื่องจากตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากในช่วงก่อนหน้า พอตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มมีการปรับฐาน ตลาดหุ้นในเอเชียที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงจีน จึงปรับตัวลดลงมาค่อนข้างแรงด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่สาม ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยของจีน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันอังคารที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ว่ามีความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป การที่ตลาดหุ้นจีนดูมี Valuation ที่น่าสนใจกว่าอาจจะส่งผลให้มีกระแสเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นจีนมากขึ้น และจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่มากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับฐานลงมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมาครับ


คำถามที่ 2 นักลงทุนไทยลงทุนหุ้นจีนมานานแล้ว แต่จีนมีการเปลี่ยนแปลงประเทศหลายด้าน ดังนั้นถ้าจะเลือกลงทุนในจีนมีคำแนะนำอย่างไร

คำตอบ ความผันผวนที่ค่อนข้างแรงเป็นอะไรที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นจีนมาอย่างยาวนานครับ การปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระดับมากกว่า 10% ในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นจีนเลยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือตลาดหุ้นจีนนับตั้งแต่เข้าปี 2021 เป็นต้นมา รอบขึ้นก็ขึ้นมากกว่า 10% รอบลง ก็ลงมากกว่า10% ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้าปี 2021 มาได้เพียง 2 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์เท่านั้น

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นจีน A-Share ของจีนแผ่นดินใหญ่ คือ อยากจะให้เลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีโดดเด่นสม่ำเสมอ

มีการกระจายการลงทุนเป็นอย่างดีทั้งในด้านอุตสาหกรรมที่ลงทุนและหุ้นรายตัว การที่กองทุนลงทุนกระจุกตัวมากเกินไปอาจจะส่งผลให้ราคา nav ของกองทุนมีความผันผวนสูงตาม อย่างหุ้น Moutai ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลดลงได้มากกว่า 20% ในระยะเวลาสั้น ๆ ครับ



คำถามที่ 3. ปัจจุบันมูลค่าหุ้นจีนถูกหรือแพงกว่า ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดเอเชียแปซิฟิกส่วนประเด็น MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนนับจากนี้ จะมีผลหรือการเพิ่มโอกาสในการลงทุนอย่างไร

คำตอบ ปัจจุบัน ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯมีค่า PE Ratio ที่ระดับ31เท่าดัชนี STOXX 600 ของยุโรปอยู่ที่21 เท่า ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นอยู่ที่27 เท่าส่วนดัชนี CSI300 อยู่ที่ 19 เท่าถือว่าตลาดหุ้นจีนมี Valuation ที่ถูกกว่าตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก

ส่วนประเด็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนของ MSCI ถึงแม้จะยังไม่ได้มี timeline ที่ชัดเจน แต่ MSCI จะมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่องในอนาคตอย่างแน่นอน

ถึงแม้ MSCI จะยังไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีน แต่หลายๆ กองทุนก็มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่าสัดส่วนของทาง MSCI
อย่างดัชนี MSCI All Country World Index ที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก มีสัดส่วนหุ้นจีนอยู่ 5.3% แต่กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกบางกองมีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่า 10% ก็มีครับ



คำถามที่ 4. นักลงทุนควรกลัวหรือควรเห็นเป็นโอกาสที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมาในรอบนี้ดี

ผมอยากให้นักลงทุนมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนนะครับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้

ปัจจัยแรก เศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้ดี ปี 2020 ที่ผ่านมา GDP จีนยังสามารถเติบโตได้ 2.3% เป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศเดียวที่ GDP สามารถเติบโตได้และในปี 2021 นี้อาจจะเติบโตได้ถึง 8% เนื่องจากฐานที่ต่ำในปี 2020

ปัจจัยที่สอง จีนมีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่มีวินัย เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึง ญี่ปุ่น ในอนาคต ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องเริ่มลดการผ่อนคลายทางการเงินลง ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องปรับตัวตาม เศรษฐกิจจีนที่มีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่มีวินัยจะได้รับผลกระทบเชิงลบที่น้อยกว่า ในระยะยาวยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน

ปัจจัยที่สาม เรายังยืนยันมุมมองเดิม ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2021 ยังเป็นปีที่ดี แต่จะไม่ดีเท่ากับปี 2020ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวลดลงมาที่แนวรับสำคัญบริเวณ 5,200 จุดสำหรับดัชนี CSI300 หุ้นขนาดใหญ่ที่กองทุนนิยมเข้าไปลงทุนก็ปรับลดลงมาที่แนวรับสำคัญกันหลายหลักทรัพย์แล้ว

ถือเป็นจุดที่น่าเข้าไปลงทุนรอบใหม่แล้วครับ

 


slark