บทความจาก TNN Wealth
China stock markets scary or interesting?
ตลาดหุ้นจีนน่ากลัว หรือ น่าสนใจ
ตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่อยู่ในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก ด้วยการเป็นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะที่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะหุ้นใหญ่ของจีน 50 รายแรก (China A50) รวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) ซึ่งมีบริษัทจีนจดทะเบียนอยู่หลายแห่ง โดยดัชนีปรับขึ้นมาราว 7-8% ในช่วงต้นปีนี้
หากดูจากดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นหลัก 300 บริษัทของจีน ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560-2563 พบว่าแต่ละปี ยกเว้นปี 2563 ซึ่งเกิดโควิด-19 ดัชนี CSI 300 สามารถปรับขึ้นได้หลังจากตลาดหุ้นกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งหลังจากหยุดช่วงตรุษจีน โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนีจะต่อเนื่องราว 2-3 สัปดาห์ ส่วนในช่วงก่อนวันหยุดยาวปริมาณการซื้อมักจะซบเซาลง
ทางรายการเศรษฐกิจ insight ทางช่องทีเอ็นเอ็นช่อง 16 ได้พูดคุยกับ
คุณเพิ่มศักดิ์ จักร์มงคลชัย ผู้อำนวยการสำนักที่ปรึกษาทางการเงิน LH BANK
ถึงมุมมองการลงทุนในหุ้นจีน
คำถาม 1. ปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา
คำตอบ ตลาดหุ้นจีนถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากนับตั้งแต่เข้าปี 2021 โดยดัชนี CSI300 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 5,110 จุด ขึ้นมาที่ 5,810 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 700 จุดหรือ +13.7% ในเวลาเพียงเดือนกว่า ก่อนที่จะหยุดยาวจากเทศกาลตรุษจีน
หลังจากที่ตลาดเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021 ดัชนี CSI300 ขึ้นไปทำ High ที่5930 จุด ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อปี 2007 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมาและมาปิดที่ 5260 จุดจากจุดสูงสุด ปรับตัวลดลงมา -11% ในช่วงระยะเวลาเพียง 12 วันทำการ เรียกได้ว่าปรับตัวลดลงเฉลี่ยเกือบ 1% ต่อวันเลย
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลง มาจาก
ปัจจัยแรก ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ จนขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปี ส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างผู้ผลิตสุรา ที่มีการเก็งกำไรกันอย่างสูงในช่วงก่อนตรุษจีน หุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นจีนอย่าง Kweichow Moutaiปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 30% ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนกับ 10 วัน พอเปิดตลาดหลังตรุษจีน เจอกับแรงเทขายทำกำไร ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 21% จากราคาปิดล่าสุด
ปัจจัยที่สองตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1.5 – 1.6% เนื่องจากตลาดหุ้นจีนพร้อมที่จะปรับฐานลงมาอยู่แล้ว เนื่องจากตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากในช่วงก่อนหน้า พอตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มมีการปรับฐาน ตลาดหุ้นในเอเชียที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงจีน จึงปรับตัวลดลงมาค่อนข้างแรงด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่สาม ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยของจีน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันอังคารที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ว่ามีความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป การที่ตลาดหุ้นจีนดูมี Valuation ที่น่าสนใจกว่าอาจจะส่งผลให้มีกระแสเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นจีนมากขึ้น และจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่มากขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับฐานลงมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมาครับ
คำถามที่ 2 นักลงทุนไทยลงทุนหุ้นจีนมานานแล้ว แต่จีนมีการเปลี่ยนแปลงประเทศหลายด้าน ดังนั้นถ้าจะเลือกลงทุนในจีนมีคำแนะนำอย่างไร
คำตอบ ความผันผวนที่ค่อนข้างแรงเป็นอะไรที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นจีนมาอย่างยาวนานครับ การปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระดับมากกว่า 10% ในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นจีนเลยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือตลาดหุ้นจีนนับตั้งแต่เข้าปี 2021 เป็นต้นมา รอบขึ้นก็ขึ้นมากกว่า 10% รอบลง ก็ลงมากกว่า10% ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้าปี 2021 มาได้เพียง 2 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์เท่านั้น
สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นจีน A-Share ของจีนแผ่นดินใหญ่ คือ อยากจะให้เลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีโดดเด่นสม่ำเสมอ
มีการกระจายการลงทุนเป็นอย่างดีทั้งในด้านอุตสาหกรรมที่ลงทุนและหุ้นรายตัว การที่กองทุนลงทุนกระจุกตัวมากเกินไปอาจจะส่งผลให้ราคา nav ของกองทุนมีความผันผวนสูงตาม อย่างหุ้น Moutai ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลดลงได้มากกว่า 20% ในระยะเวลาสั้น ๆ ครับ
คำถามที่ 3. ปัจจุบันมูลค่าหุ้นจีนถูกหรือแพงกว่า ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดเอเชียแปซิฟิกส่วนประเด็น MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนนับจากนี้ จะมีผลหรือการเพิ่มโอกาสในการลงทุนอย่างไร
คำตอบ ปัจจุบัน ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯมีค่า PE Ratio ที่ระดับ31เท่าดัชนี STOXX 600 ของยุโรปอยู่ที่21 เท่า ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นอยู่ที่27 เท่าส่วนดัชนี CSI300 อยู่ที่ 19 เท่าถือว่าตลาดหุ้นจีนมี Valuation ที่ถูกกว่าตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก
ส่วนประเด็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนของ MSCI ถึงแม้จะยังไม่ได้มี timeline ที่ชัดเจน แต่ MSCI จะมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่องในอนาคตอย่างแน่นอน
ถึงแม้ MSCI จะยังไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีน แต่หลายๆ กองทุนก็มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่าสัดส่วนของทาง MSCI
อย่างดัชนี MSCI All Country World Index ที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก มีสัดส่วนหุ้นจีนอยู่ 5.3% แต่กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกบางกองมีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่า 10% ก็มีครับ
คำถามที่ 4. นักลงทุนควรกลัวหรือควรเห็นเป็นโอกาสที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมาในรอบนี้ดี
ผมอยากให้นักลงทุนมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนนะครับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้
ปัจจัยแรก เศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้ดี ปี 2020 ที่ผ่านมา GDP จีนยังสามารถเติบโตได้ 2.3% เป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศเดียวที่ GDP สามารถเติบโตได้และในปี 2021 นี้อาจจะเติบโตได้ถึง 8% เนื่องจากฐานที่ต่ำในปี 2020
ปัจจัยที่สอง จีนมีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่มีวินัย เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึง ญี่ปุ่น ในอนาคต ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องเริ่มลดการผ่อนคลายทางการเงินลง ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องปรับตัวตาม เศรษฐกิจจีนที่มีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่มีวินัยจะได้รับผลกระทบเชิงลบที่น้อยกว่า ในระยะยาวยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน
ปัจจัยที่สาม เรายังยืนยันมุมมองเดิม ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2021 ยังเป็นปีที่ดี แต่จะไม่ดีเท่ากับปี 2020ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวลดลงมาที่แนวรับสำคัญบริเวณ 5,200 จุดสำหรับดัชนี CSI300 หุ้นขนาดใหญ่ที่กองทุนนิยมเข้าไปลงทุนก็ปรับลดลงมาที่แนวรับสำคัญกันหลายหลักทรัพย์แล้ว
ถือเป็นจุดที่น่าเข้าไปลงทุนรอบใหม่แล้วครับ