ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์หุ้น “เครื่องดื่มชูกำลัง” เมื่อ ICHI ส่ง “ตัน พาวเวอร์” ชิงตลาด

โดย POWER
เผยแพร่ :
284 views

วิเคราะห์หุ้น “เครื่องดื่มชูกำลัง”

เมื่อ ICHI ส่ง “ตัน พาวเวอร์” ชิงตลาด

.

สมรภูมิเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศกำลังน่าจับตามอง หลัง “อิชิตัน” เปิดตัว “ตัน พาวเวอร์ (TAN POWER)" เครื่องดื่ม Energy Drink ลงสู้ศึก ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกับสองยักษ์ใหญ่แห่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง อย่าง คาราบาวแดง ภายใต้การบริหารของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ เอ็ม 150 ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)

.

ดังนั้นในโอกาสที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีผู้ท้าชิงใหม่เกิดขึ้น Wealthy Thai จึงอยากชวนนักลงทุนมาสำรวจปัจจัยพื้นฐานของ ICHI, CBG และ OSP ว่าในปี 2567 แต่ละบริษัทจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างไร

.

มาเริ่มกันที่ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI โดยนาย ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2567 ที่ 9,000 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 23% รับทิศทางตลาดชาพร้อมดื่ม (Ready To Drink) ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รุกตลาด Non-Tea เพื่อขยายพอร์ตเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มที่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุมตามกลยุทธ์ 3N (New Product, New Market, New Business)

.

ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 1/2567 มีทิศทางที่ดี จากปัจจัยบวกภาพรวมเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่มีต่อเนื่อง และเอลนีโญส่งผลต่อสภาพอากาศร้อนเร็วเกินคาด แม้ว่าซีซั่นจะมีผลต่ออิชิตันน้อยลง เห็นได้จากไตรมาส 4 ปีที่แล้วทำนิวไฮในแง่ยอดขาย แต่สำหรับฤดูยิ่งร้อนที่มีเอลนีโญจะยิ่งเป็นแรงสนับสนุน

.

อีกทั้งเดินหน้าขยายตลาดสินค้ากลุ่ม Non-Tea เช่น “ตันซันซู” เครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี และ “น้ำด่าง อิชิตัน” ทำรายได้เสริมแกร่ง

.

โดยไฮไลท์ไตรมาส 1 อยู่ที่การเปิดตัว “ตัน พาวเวอร์ (TAN POWER)" เครื่องดื่ม Energy Drink เสริมพอร์ต Non-Tea บรรจุขวดแก้วที่คุ้นเคย ราคา 10 บาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชีวิตไม่มีทางตัน” ถอด DNA นักคิดสู้ชีวิต ทุกความสำเร็จ ต้องการทุ่มเท และเป็นกำลังใจให้กลุ่มคนสู้ชีวิต

.

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว โดยเป้าหมายรายได้ของบริษัทที่ 9,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 8,900 ล้านบาท อีกทั้งคาดกำไรปกติในไตรมาส 1/67 มีโอกาสกลับมาทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 9 ปีได้อีกครั้ง หนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้น

.

ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนจากต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นตามยอดขาย นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ (ตัน พาวเวอร์) ในเดือนมี.ค. โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 300 ล้านบาท หรือ 30 ล้านบาทต่อเดือน

.

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซียปี 2567 ที่ 35 ล้านบาท หนุนจากการรับรู้ผลของการปรับราคาขายลงตั้งแต่ในไตรมาส 3/66 และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายราว 14% ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ที่ 1,318 ล้านบาท โต 19.7% จากปีก่อน ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” มีราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 21.60 บาท

.

ถัดมา บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ จากฐานต่ำ แต่ชะลอลงจากไตรมาส 4/66 จากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่มีแนวโน้มลดลงและ GPM ที่ลดลง

.

โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการได้ชัดเจนขึ้นในไตรมาส 2/67 ที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจเครื่องดื่ม และคาดเห็นการเร่งตัวรายได้ของธุรกิจเบียร์ได้มากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่ 25% (จากสิ้นปี 2566 ที่ 23.6%) จากการยังยึดกลยุทธ์คงราคาขายที่ 10 บาท และตั้งเป้ารายได้ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังปี 2567 ในประเทศเติบโตระดับ Single Digit

.

ทั้งนี้ ประเมินยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการแข่งขันของตลาดที่สูงขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด อาทิ PepsiCo, Coca-Cola และตันพาวเวอร์ของ ICHI ในขณะเดียวกันตั้งเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศเติบโตที่ 10-14% จากปีก่อน โดยรวมเป้ารายได้ของบริษัทยังต่ำกว่าประมาณการเดิม

.

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มการเติบโตของ CBG จากธุรกิจเบียร์ที่เติบโตได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ และเป้าหมายการเติบโตรายได้ของบริษัทที่ต่ำกว่าประมาณการ ดังนั้นจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 –2568 ลง 3.6% และ 2.4% เป็น 2,427 ล้านบาท โต 26.1% และ 2,693 ล้านบาท โต 11.0% ตามลำดับ และปรับลดราคาเหมาะสมลงเป็น 67 บาท คงคำแนะนำ เก็งกำไร

.

สุดท้าย บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP โดยนางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 โอสถสภายังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์และก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ

.

ด้วยการพัฒนาและปฏิรูปองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้บริโภคอันเป็นเป้าหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจตลอดจนเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร

.

ส่วนนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินแนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 1/67 เบื้องต้นเติบโตต่อทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส 4/66 จากการเติบโตทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติเป็นปัจจัยหนุนความต้องการบริโภคเครื่องดื่ม ขณะที่ต่างประเทศในเมียนมาปัจจุบันยังดำเนินธุรกิจได้ปกติ จะเข้าสู่ช่วง High Season หนุนรายได้ในต่างประเทศ

.

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 คาดมีกำไรสุทธิที่ 2,906 ล้านบาท เติบโต 20.98% จากปีก่อน จากการจะรับรู้ผลของราคาต้นทุนการผลิตที่ลดลงได้ชัดเจนได้เต็มปีหนุน GPM และบริษัทยังมีเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคงราคาเป้าหมายที่ 34 บาทมี Upside gain สูง อีกทั้งยังมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับลดลงมา 35% ในรอบ 1 ปี ไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 

 


POWER