ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถ้าคุณเอาเงินคนอื่นมาลงทุน แล้วดันทำผลตอบแทนแพ้ตลาด 5 ปีหลังสุด แถมโดนคนอื่นแซะว่าล้าสมัย ตกยุค คุณจะทำยังไง

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
46 views

ถ้าคุณเอาเงินคนอื่นมาลงทุน แล้วดันทำผลตอบแทนแพ้ตลาด 5 ปีหลังสุด แถมโดนคนอื่นแซะว่าล้าสมัย ตกยุค คุณจะทำยังไง? By Jitta wealth
.
จะหวั่นไหวไปกับกระแสตลาดจนเปลี่ยนวิธีการลงทุนมั้ย?
.
ถ้าเป็นนักลงทุนทั่วไปที่ใจยังไม่นิ่งพอ ก็คงจะเปลี่ยนวิธีลงทุนไปตามกระแสตลาดกันหมดแล้ว…
.
แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อ Warren Buffett ผู้ทำผลตอบแทนชนะดัชนี S&P 500 ได้เกือบเท่าตัวตลอด 57 ปีที่ผ่านมา
.
โดยปู่ Buffett ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ 20.1% ต่อปีในช่วงปี 2508-2564 ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยเพียง 10.5% ต่อปีครับ
.
วันนี้เราถอด 3 ข้อคิดจากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ให้คุณได้อ่านในเช้าวันอาทิตย์ ต้อนรับฤดูร้อนกันครับ
.
1. #ยึดมั่นในหลักการลงทุนของตัวเอง
ในช่วงแรกของจดหมาย ปู่ Buffett เลือกจะไฮไลท์หลักการลงทุนของเขาว่า “เราลงทุนจากแนวโน้มของธุรกิจในระยะยาวเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อทำกำไรจากการขึ้นลงของตลาดในระยะสั้น”
และ “ทั้ง Charlie (Munger) และผม (Buffett) ไม่ใช่นักเลือกหุ้น แต่เราเป็นนักเลือกธุรกิจ” เพื่อเตือนสติผู้ถือหุ้นครับ
แม้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ปู่ทำได้ใน 5 ปีที่ผ่านมาจะแพ้ดัชนี S&P 500 อยู่ 6.7% ต่อปี (ปู่ทำได้ 10.9% ส่วนดัชนีได้ 17.6% ต่อปี) แต่เขาก็ยังยึดมั่นในหลักการที่จะซื้อหุ้นของ “บริษัทที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม” อยู่ดี
ถ้าราคาหุ้นที่เขาเล็งไว้มันแพงเกินไป มีเงินเยอะแค่ไหน เขาก็ไม่ซื้อ
เพราะในจดหมาย ปู่ Buffett พูดชัดเจนว่า Berkshire Hathaway มีเงินสดในมือถึง 1.44 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้เอาเงินไปลงทุนเยอะ เพราะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ราคาหุ้นสูงเกินไป
.
ในปีที่แล้ว ปู่ Buffett ใช้เงินซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองไปเยอะมาก เพราะมองว่าราคาหุ้นของ Berkshire Hathaway ยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นได้อีกเยอะในอนาคต
.
คิดดูสิครับ…ถ้าเป็นเราคนธรรมดา มีเงินเยอะขนาดนั้น แถมตลาดหุ้นก็เป็นขาขึ้นชัดเจน…คงอดใจไม่ได้ ซื้อหุ้นไปนานแล้ว
.
แต่ปู่ นอกจากจะไม่ซื้อหุ้น ทิ้งโอกาสทำกำไรนั้นไปแล้ว ยังต้องมาโดนคนอื่นดูถูกว่าแนวทางการของปู่มันเชย ตกยุคไปแล้ว
แต่ปู่ก็ยังนิ่ง ยังยึดมั่นหลักการเดิมอยู่ได้ #หัวใจทำด้วยอะไร
สุดท้าย… พอ Fed บอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเท่านั้นแหละครับ ตลาดหุ้นขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ก็สิ้นสุดลง กลายเป็นว่าหุ้นคุณค่าตามสไตล์ของการลงทุนแบบ VI ของปู่ได้เวลาเฉิดฉาย
.
แจ็กพ็อตมาลงที่ปู่เต็มๆ เพราะหลังจากที่ Fed ประกาศ วัดถัดมาราคาหุ้นของ Berkshire Hathaway ที่เต็มไปด้วยหุ้นคุณค่าก็พุ่งขึ้น จนทำให้ปู่ Buffett ทำผลตอบแทนชนะตลาดไปได้ในปีที่แล้ว
ดังนั้น หากคุณมั่นใจว่าหลักการลงทุนของคุณถูกต้อง ใช้ได้ผล และสามารถสร้างผลตอบแทนได้จริง ก็ควรยึดมั่นในหลักการนั้น ไม่หวั่นไหวไปกับฝูงชนหรือกระแสตลาดในตอนนั้น
.
อย่างที่เราย้ำมาตลอดครับว่าการทำตามหลักการลงทุนที่ถูกต้องอย่างมีวินัยจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้ในที่สุด แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ทำไม่ค่อยได้ มักมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุน สุดท้ายจึงขาดทุนครับ
.
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ Jitta Wealth นำเทคโนโลยี AI เข้ามาบริหารจัดการลงทุน เพราะ AI นั้นไม่มีอคติและไร้อารมณ์ พอร์ตของคุณจึงสามารถลงทุนตามหลักการได้อย่างมีวินัย ไม่หวั่นไหวไปกับกระแสของตลาดครับ
.
2. #กระจายความเสี่ยง
จริงอยู่ที่ปู่ Buffett ไม่เห็นด้วยกับการกระจายความเสี่ยงมากเกินไป ตามวลีที่เห็นได้บ่อยในอินเทอร์เน็ต
แต่ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นที่เพิ่งออกมา เขาใช้คำว่า “Our Four Giants” เพื่ออธิบายถึง 4 เสาหลักทางธุรกิจ ซึ่งก็คือหุ้นที่ Berkshire Hathaway ถือเป็นสัดส่วนที่ัสูงเมื่อเทียบกับขนาดของพอร์ตรวม
โดย 4 เสาหลักที่ว่าประกอบด้วยหุ้นของบริษัทประกันหลายบริษัท หุ้นของ Apple Inc. บริษัท BNSF Railway และสุดท้ายคือ Berkshire Hathaway Energy (BHE)
และยังมีหุ้นอีกเยอะที่บริษัทของปู่ Buffett ลงทุนอยู่แต่ไม่ได้ถูกพูดถึงเป็นพิเศษในปีนี้ เช่น Coca-Cola American Express หรือ Kraft Heinz ครับ
แม้ว่าตัวปู่ Buffett จะไม่เคยพูดถึงหลักการกระจายความเสี่ยงเป็นพิเศษ แต่ในหนังสือหลายเล่ม เขามักบอกอยู่เสมอว่าให้ลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจเท่านั้น
เพราะในโลกการลงทุน ความไม่รู้ถือเป็นความเสี่ยงอย่างนึงครับ
เมื่อรวมกับอีกหลักการ คือการเลือกซื้อเฉพาะหุ้นของบริษัทที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม
สุดท้าย พอร์ตของ Berkshire Hathaway จึงมีแต่หุ้นของบริษัทที่ยอดเยี่ยมจากแต่ละอุตสาหกรรมตามความเชี่ยวชาญของปู่ และช่วยกระจายความเสี่ยงไปในตัว เพราะมีทั้งหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน การเงิน สินค้าอุปโภคบริโภค และหุ้นพลังงานเป็นหลัก
.
ซึ่งต่างก็เป็นหุ้นกลุ่มที่ต้านทานเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงได้ดี ที่เราเคยพูดถึงไปแล้วในโพสต์ก่อนหน้า สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ https://jitta.co/3twhat0
.
และไม่ใช่เฉพาะปู่ Buffett เท่านั้นที่กระจายการลงทุน แต่นักลงทุนระดับปรมาจารย์อย่าง Ben Graham หรือนักลงทุนรุ่นหลังอย่าง Ray Dalio หรือ Peter Lynch และ Bill Ackman ก็เน้นกระจายการลงทุนกันทุกคน
นี่ก็เป็นเหตุผลที่เราย้ำเรื่องกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นแผนการลงทุน Jitta Ranking ที่ลงทุนหุ้น 15-30 ตัว หรือแผน Global ETF ทั้ง 3 แบบก็กระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก
.
ขณะที่แผน Thematic เราก็แนะนำอยู่ตลอดให้คุณเลือกธีมลงทุน 4-5 ธีมเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลง เพราะหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ราคามักจะเหวี่ยงขึ้น-ลงเยอะเป็นปกติครับ
.
3. #ลงทุนอย่างสบายใจ
ในจดหมาย มีตอนหนึ่งที่ปู่บอกว่าทั้ง Charlie (Munger) และเขาสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะเก็บเงินสดสำรองไว้ในบริษัทอย่างน้อย 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพราะทั้งคู่อยากให้ Berkshire Hathaway มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อเกิดวิกฤติ และทำให้ทั้ง Charlie Munger และตัวปู่ Buffett นอนหลับสนิทได้ทุกคืน
และทั้งคู่ก็ต้องการให้ทั้งเจ้าหนี้ ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันภัย และผู้ถือหุ้นทุกคนนอนหลับสนิทเช่นกัน !!
ที่เรายกเรื่องขึ้นมาอาจไม่ได้เกี่ยวกับการลงทุนมากนัก แต่เราอยากชี้ให้เห็นว่าการมีเงินสดสำรองไว้ใช้อย่างน้อย 3-6 เดือน หรือบางคนอาจเก็บไว้เยอะขึ้นเป็น 6-12 เดือน จะช่วยให้คุณลงทุนได้สบายใจขึ้นครับ
เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา คุณก็ยังมีเงินสำรองไว้ใช้ในตอนฉุกเฉิน ไม่ต้องคอยกังวลว่าถ้าหุ้นตก เงินที่ลงทุนจะหายไปหมดมั้ย และไม่ต้องขายล้างพอร์ตเพื่อเอาเงินมาใช้ยามคับขันครับ
เมื่อความกังวลน้อยลง คุณจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุนน้อยลงด้วย การถือหุ้นระยะยาวให้ผ่านตลาดหุ้นในทุกสภาวะก็จะง่ายขึ้น นอนหลับสนิทได้ทุกคืนแบบ Charlie Munger และปู่ Buffett ของเราครับ
.
หากคุณอยากอ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ฉบับล่าสุดที่เราเขียนถึงในโพสต์นี้ สามารถตามไปอ่านได้ที่ https://jitta.co/35r01ZO ครับ
.
ในจดหมาย ปู่ Buffett ของเราสอดแทรกมุขตลกไว้มากมาย มีการแวะไปพูดถึง Lehman Brothers ที่เคยเป็นที่ปรึกษาในการรวมบริษัท Berkshire และ Hathaway เข้าด้วยกัน แต่ตอนนี้ล้มละลายไปแล้วด้วย
.
เราอ่านแล้วก็รู้สึกทึ่งว่าคนที่อายุ 91 ย่าง 92 ปียังมีความคิดที่เฉียบแหลม รวมถึงมีความถ่อมตนและให้เกียรติผู้อื่นอย่างมาก แม้จะลงทุนจนประสบความสำเร็จ ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของโลกมานาน
.
สมแล้วกับที่เป็นไอดอลของเราทุกคนที่ Jitta ครับ

May be an image of 1 person and text that says 'หลักทรัพย์กสิกรไทย 开叠证券 KASIKORN SECURITIES KASIKORNTHAI The World Greatest and Richest Investor Born: 30 August 1930 Return: 26% per year Warren Edward Buffett 8'


คนเล่นหุ้น