ธปท. ลดดอกเบี้ยต่ำสุดในรอบ 2 ปี: ยาแก้ปวดชั่วคราว หรือทางรอดเศรษฐกิจไทย?
การประชุม กนง. ครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีมติ “เอกฉันท์” ให้ปรับลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566

เหตุผลหลัก คือมองว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายได้บ้าง เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ และช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบางที่ยังเผชิญความไม่แน่นอน ทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศและแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน
แม้การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้อาจไม่ได้สะท้อน “ดอกเบี้ยขาลง” อย่างมีนัยสำคัญ แต่ กนง. ย้ำว่า นโยบายการเงินในระยะข้างหน้าควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้เปรียบเสมือน ยาแก้ปวด ที่ช่วยบรรเทาอาการในระยะสั้น แต่ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของปัญหา เศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องได้รับ การแก้ไขเชิงโครงสร้าง และการดำเนินมาตรการอื่น ๆ ควบคู่กัน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว
มติครั้งนี้ยังถือเป็น “ก้าวสุดท้าย” ก่อนหมดวาระของ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นการส่งไม้ต่อให้กับ ดร.วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการคนใหม่ ที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568
คำถามสำคัญคือ…
ในการประชุม กนง. ครั้งถัดไป วันที่ 8 ตุลาคม ผู้ว่าการคนใหม่จะเลือกใช้นโยบายการเงินไปในทิศทางใด? และจะสามารถสร้างสมดุลระหว่าง การเติบโตทางเศรษฐกิจ และ การรักษาเสถียรภาพด้านราคา ได้อย่างไร?
ภายใต้บริบทที่…
• เศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2.8% ในไตรมาส 2/2568 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำและยังรั้งท้ายอาเซียน
• อัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายมาแล้ว 5 เดือนติดต่อกัน และติดลบติดต่อกันถึง 4 เดือน
ทิศทางต่อไปของผู้ว่าการใหม่จึงไม่ใช่เพียงการ “เลือกปรับดอกเบี้ย” แต่คือการออกแบบนโยบายเพื่อสร้าง สมดุลใหม่ให้เศรษฐกิจไทย ระหว่าง “การขยายตัว” ที่ยังอ่อนแรง กับ “เงินเฟ้อ” ที่ต่ำเกินเป้าในระยะยาว
สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ ไม่ได้มีเพียงการประชุม กนง. ในครั้งหน้า แต่คือ…
ผู้ว่าใหม่จะเลือกกำหนดทิศทางนโยบายการเงินอย่างไร?
และเมื่อภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ ผลกระทบจริงต่อเศรษฐกิจไทยจะชัดเจนกว่าที่คาดไว้หรือเปล่า?
.
เรื่องและภาพ: พรปวีณ์ ธรรมวิชัย & อาชวี เอี่ยมสุนทรชัย Economist, Bnomics
════════════════
ที่มา. Bnomics by Bangkok Bank